บทคัดย่อ
โครงการวิจัยมะเร็งเด็ก ได้ทําทะเบียนผู้ป่วยมะเร็งเด็กทุกชนิดโดยลงทะเบียนครอบคลุมผู้ป่วยมะเร็งทุกรายที่มีภูมิลําเนาในประเทศไทย การทราบชนิดและอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเด็กจะเป็นข้อมูลที่สําคัญในการวางแผนการศึกษาและการรักษาผู้ป่วยต่อไป วัตถุประสงค์เพื่ออธิบายลักษณะและอุบัติการณ์ของผู้ป่วยมะเร็งเด็กในประเทศไทย รูปแบบการศึกษาเป็นการศึกษาเชิงพรรณนา วิธีการศึกษาผู้ป่วยเด็กที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 15 ปี ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งในเด็กทุกชนิดในประเทศไทย โดยได้รับการวินิจฉัยระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2546 ถึง 31 ธันวาคม 2546 รวบรวมจากสถาบันโรงพยาบาลจํานวน 20 สถาบัน ที่ดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งเด็ก ลงข้อมูลในฐานข้อมูลแห่งชาติ โดยการนําข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลออนไลน์ 2 ครั้ง (double entry) ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดยคณะกรรมการทางวิชาการ (reviewer committee) การวัดผล : อธิบายลักษณะของผู้ป่วยมะเร็งเด็กในเด็กทุกชนิดเป็นจํานวนและร้อยละ ส่วนการหาอุบัติการณ์จะคํานึงถึงมะเร็งรายใหม่แต่ละชนิดและได้ปรับช่วงอายุตามมาตรฐานประชากรโลกต่อปีต่อประชากรเด็กหนึ่งล้านคน ผลการศึกษาพบผู้ป่วยมะเร็งในเด็กทุกชนิดจํานวน 999 คน ร้อยละ 94.0 ได้รับการวินิจฉัยโดยมีผลทางพยาธิวิทยายืนยันไม่มีผู้ป่วยรายใดที่ได้รับการวินิจฉัยจากใบมรณะบัตร จากผลการศึกษาพบว่ามีผู้ป่วยชายทั้งหมด 566 คน (ร้อยละ 56.6) เพศหญิงจํานวน 433 คน (ร้อยละ 43.3 ) อัตราส่วนชายต่อหญิง เท่ากับ 1.3 ต่อ 1 โดยมีผู้ป่วยในช่วงอายุ น้อยกว่า 1 ปี 1-4 ปี 5-9 ปี และ 10-14 ปี คือ 80 คน (ร้อยละ 8.0) 361 คน (ร้อยละ36.1) 282 คน (ร้อยละ28.2) 276 คน (ร้อยละ 27.6) ตามลําดับ โดยอายุขณะได้รับการวินิจฉัยมีมัธยฐาน 5.6 ปี อุบัติการณ์โดยรวม 79.7 ต่อประชากรเด็กหนึ่งล้านคน ส่วนชนิดของโรคมะเร็งเด็กพบ leukemia มากที่สุด จํานวน 529 คน (ร้อยละ 53) โดยพบเพศชาย 282 คน (ร้อยละ28.2) และเพศหญิง 247 คน (ร้อยละ 24.7) อุบัติการณ์ของ leukemia คือ 43.7 และ 41.5 ต่อประชากรเด็กหนึ่งล้านคน ในเพศชายและหญิงตามลําดับ รองลงมาคือมะเร็งระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) จํานวน 102 คน (ร้อยละ 10.2) อุบัติการณ์ คือ 7.6 ส่วนลําดับที่ 3 คือ lymphoma จํานวน 90 คน (ร้อยละ 9.0) อุบัติการณ์ คือ 6.4 มะเร็งที่พบน้อยได้แก่ neuroblastoma (ASR 4.6) retinoblastoma (ASR 4.2) Soft tissue (ASR 3.6) ส่วนมะเร็งที่พบอุบัติการณ์ใกล้เคียงกันคือ มะเร็งไต (ASR 2.6) มะเร็งกระดูก (ASR 2.4) hepatic tumor (ASR 2.4) และ germ cell tumor (ASR 2.3) ในผู้ป่วย leukemia พบ ALL มากที่สุด (ASR 31.8) รองลงมา คือ ANLL (ASR 9.2) โดยอัตราส่วนของ ALL:ANLL เป็น 3.3:1 สรุปผลการศึกษา : ผู้ป่วยมะเร็งในเด็กในประเทศไทยที่พบบ่อยที่สุดคือ leukemia โดยเฉพาะ ALL รองลงไป ได้แก่ มะเร็งของระบบประสาทส่วนกลางและ lymphoma โดยพบอุบัติการณ์ทั้งสองเพศ 79.7 ต่อประชากรเด็กล้านคนต่อปี พบมะเร็งในเพศชายบ่อยกว่าเพศหญิง อุบัติการณ์โดยรวมต่ำกว่าอุบัติการณ์ในประเทศทางตะวันตก
บทคัดย่อ
Incidence of childhood cancer in Thailand has been roughly determined by population-based cancer registration. All cancers have been registered retro-and prospectively by Thai Pediatric Oncology Group (TPOG).OBJECTIVE: To find the incidence of childhood cancers in Thailand.METHOD: All Thai children aged < 15 years newly diagnosed with childhood malignancies according to International Childhood Cancer Classification (ICCC)during January 1- December 31, 2003 were registered into a national database. The data were collected through a web-based registry from 20 treatment centers under a standardized format, using double entry method and under internal and external audit process.RESULTS: There were 999 new cancer cases in children; 94.0% was histologically confirmed, 566 (56.7%) were males. The male: female ratio was 1.3:1, 80 (8.0%) were under 1 year, 361 (36.1%) were between 1 and 4 years, 282 (28.2 %) were between 5 and 9 years, and 276 (27.6%) were between 10 and 15 years old. The median age at diagnosis was 5.64 years old. The age standardized rate (ASR) of childhood cancer was 79.7 per million. Leukemia was most common (ASR 42.6, male=282, 28% vs. female=247, 24%) followed by CNS tumors (ASR 7.6, male=53, 5.3% vs. female 49, 4.9%): medulloblastoma and astrocytoma being the most common comprising 3.2% (male = 13, 1.3%; female=19, 1.9% and 2.5% (male= 13, 1.3%; female=12, 1.2%), respectively. Leukemia and CNS tumors constituted 63.1% of pediatric cancers and Lymphoma was third (ASR=6.4, male=68, 6.8% vs. Female 22, 2.2%). The ratio of non-Hodgkin lymphoma to Hodgkin disease was 1.9:1. Neuroblastoma (ASR 4.6, male= 24, 2.4% vs. female= 27, 2.7%) and retinoblastoma (ASR 4.2, male=29, 2.9%; vs female=13, 1.3%) ranked fourth and fifth, respectively, followed by soft tissue malignacies (ASR 3.6, male=30, 3% vs. female= 15, 1.5%), bone tumors, (ASR 2.4, male 21, 2.1% vs female 15, 1.5% ), renal tumors (ASR 2.6, male=15, 1.5% vs. female= 14, 1.4%), liver (ASR 2.4, male= 14, 1.4% vs. female=13, 1.3%), germ cell (ASR 2.3, male= 19, 1.9% vs. female=13, 1.3%) and nasopharyngeal carcinoma (ASR 0.3, male 5, 0.5%) Among leukemia, ALL (ASR 31.8, male=213, 21.3%; female=176, 17.6%) outnumbered ANLL (ASR 9.2, male= 57, 5.7%, female=62, 6.2%). Conclusion: The incidence of childhood malignancy in Thailand is lower in comparison to Western and regional countries. Leukemia was the most common cancer in Thai children. Lymphoma is much lower than that of Western countries.