บทคัดย่อ
สุขภาพเกี่ยวโยงกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่และมีลักษณะเฉพาะเมื่อพิจารณาในมิติของพื้นที่ การสื่อสารสุขภาพที่ได้ผลควรเป็นการสื่อสารที่มีลักษณะเฉพาะ(พื้นที่)เช่นกัน โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาและศึกษาผู้สนใจหรือผู้มีศักยภาพเป็นนักสื่อสารสุขภาพ หรือ นสส. เสริมสร้างศักยภาพการทำงานสื่อสารสุขภาพ และศึกษาแนวทางดำเนินงานสื่อสารสุขภาพของท้องถิ่น โดยใช้หลักการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research) ขั้นตอนการวิจัยประกอบด้วย รวบรวมข้อมูลผู้ปฏิบัติงานสื่อสารสุขภาพ คัดกรองผู้ต้องการเป็น นสส. เสริมศักยภาพให้แก่ นสส. ติดตามการปฏิบัติงาน และการสร้างแนวทางการดำเนินงานสื่อสารสุขภาพของจังหวัด ตลอดจนสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในงานของกลุ่มผู้ให้การสนับสนุนงานสื่อสารสุขภาพ ดำเนินงานวิจัยในจังหวัดแพร่และกาญจนบุรี ผลการวิจัย นสส. มาจากภาคสื่อมวลชน หน่วยงานสุขภาพ สถาบันการศึกษา และประชาคมสุขภาพ จำนวน 100 คน (แพร่ 54 คน และ กาญจนบุรี 46 คน) เป็นชายและหญิงจำนวนใกล้เคียงกัน อายุระหว่าง 35-54 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ส่วนใหญ่มาจากสายประชาสังคม ทำงานสื่อสารสุขภาพเป็นงานรอง ส่วนใหญ่สื่อสารผ่านสื่อเสียง ได้แก่ หอกระจายข่าว/เสียงตามสาย และ วิทยุชุมชน สนใจประเด็นสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก นิยมใช้ข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ รองลงมาคือ แหล่งข้อมูลที่เป็นบุคคล ปัญหาในการทำงานคือ ความไม่พร้อมด้านความรู้/ทักษะการสื่อสาร ข้อมูล และแหล่งข้อมูล สำหรับกลุ่มผู้สนับสนุนการสื่อสารสุขภาพ ประกอบด้วยผู้บริหารและผู้นำจาก 3 ภาคส่วน ได้แก่ องค์กรสุขภาพ (ทั้งภาครัฐและเอกชน) องค์กรสื่อมวลชนท้องถิ่นและแกนนำประชาสังคมสุขภาพ มีจำนวนทั้งสิ้น 181 คน (แพร่ 81 คน และ กาญจนบุรี 100 คน) รับรู้ ร่วมให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการกำหนดแนวทางการดำเนินงานสื่อสารสุขภาพของจังหวัด ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของนสส. ทำให้ได้กิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพ (จังหวัดละ 5 กิจกรรม) ที่ตรงกับปัญหาและความต้องการ รวมทั้งนสส. ยังได้เรียนรู้วิธีการพัฒนางานร่วมกัน ตั้งแต่การสำรวจ วิเคราะห์ และกำหนดวิธีการแก้ปัญหา นสส. มีความต้องการเสริมศักยภาพจำนวนมากและหลากหลาย สะท้อนถึงความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตนเอง กิจกรรมที่ได้รับความสนใจสูงคือ การเสริมศักยภาพด้านการพูด ซึ่งเป็นการพูดผ่านสื่อเสียงและการพูดในที่สาธารณะ สำหรับแนวทางดำเนินงานสื่อสารสุขภาพของท้องถิ่นแบ่งออกเป็น นสส. และกลไกสนับสนุน โดย นสส. ควรมีบทบาทร่วมสร้างเสริม เฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ปัญหาสุขภาพของคนในท้องถิ่น เป็นสื่อกลางข้อมูลสุขภาพที่คนท้องถิ่นสามารถเข้าถึงได้สะดวกและหนุนเสริมงานของภาครัฐ นสส.ควรมีใจรัก ทัศนคติที่ดีต่องานและชุมชน จิตสาธารณะ มนุษยสัมพันธ์ เชื่อมั่นในตนเอง ไหวพริบ ความคิดริเริ่ม สามารถจัดระบบความคิด ทักษะการสื่อสาร พัฒนาตนเองตลอดเวลา และปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างด้านสุขภาพ ทำงานด้วยการสำรวจวิเคราะห์ข้อมูล วางแผน และจัดกิจกรรมโดยใช้นวัตกรรม ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ มุ่งมั่น และมีจริยธรรม สำหรับกลไกสนับสนุน หน่วยงานและบุคคลผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานสุขภาพ สื่อมวลชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ร้านค้า ประชาชน และแหล่งทุนจากส่วนกลาง สนับสนุน นสส. ให้มีความรู้ทั้งในด้านการสื่อสารและสุขภาพอย่างจริงจังและต่อเนื่อง สนับสนุนข้อมูลด้านสุขภาพรวมถึงภูมิปัญญาด้านสุขภาพของท้องถิ่นที่เชื่อถือได้และทันเหตุการณ์ มีระบบการจัดเก็บและการให้บริการข้อมูล สนับสนุนให้มีโอกาสและพื้นที่การสื่อสารสู่ท้องถิ่นอยู่เสมอ มีการจัดตั้งเครือข่าย ประกอบด้วย นสส. ที่มีลักษณะหลากหลาย มีการจัดการเครือข่ายอย่างเป็นระบบ มีคณะทำงาน มีการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่อง สร้างแรงจูงใจในการทำงาน จัดให้มีการเสริมความรู้ให้แก่กันแบบพี่สอนน้อง มีแผนการขับเคลื่อนงานที่ชัดเจน มีการขยายเครือข่าย และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเครือข่ายอื่น รวมทั้งได้รับการสนับสนุนสถานที่ทำงานและงบประมาณ การที่ นสส. มีจิตเป็นสาธารณะ มีทัศนคติที่ดี เป็นคนในพื้นที่และมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง ทำให้พื้นที่ศึกษาทั้งสองมีต้นทุนที่ดีในการดำเนินงานสื่อสารสุขภาพ การรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง การได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม และการได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่จะเสริมพลังให้แก่ นสส. ได้ ประการสำคัญ นสส. ควรปฏิบัติงานโดยให้คนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม อีกทั้งสื่อสารโดยมีคนท้องถิ่นเป็นกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับท้องถิ่น และ รูปแบบการนำเสนอสอดคล้องกับความถนัด ความต้องการและวิถีการดำเนินชีวิตของคนท้องถิ่น