• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Articles
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Articles
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งคอมดลูก ตำบลนองหญ้าไซ อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี

สมพิศ จำปาเงิน; Sompit Jampa-ngern;
วันที่: 2551
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงสำรวจครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองเพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งคอมดลูกในสตรีกลุ่มเป้าหมาย ประชากรตำบลหนองหญ้าไซ อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยใช้ทฤษฎีรูปแบบจำลองความเชื่อด้านสุขภาพเป็นแนวทางในการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นสตรีกลุ่มเป้าหมาย อายุ 35 40 45 50 55 และ 60 ปี ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลหนองหญ้าไซ อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี251 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ในช่วงเดือนมิถุนายน 2550 -เดือนกรกฎาคม 2550 วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ไฆสแควร์ และสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน การสำรวจพบว่าสตรีกลุ่มเป้าหมายร้อยละ 46.6 มีระดับความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งคอมดลูกอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 97.2 มีการรับรู้โอกาสเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งคอมดลูกอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 68.1 การรับรู้ความรุนแรงของการเกิดโรคมะเร็งคอมดลูกอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 72.9 มีการรับรู้ผลดีของการมาตรวจคัดกรองโรคมะเร็งคอมดลูกในระดับสูง และร้อยละ 60.6 มีพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งคอมดลูกในระดับสูง และสตรีกลุ่มเป้าหมายร้อยละ 53 ได้รับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งคอมดลูก ร้อยละ 10.7 ไม่ได้รับการตรวจ สถานภาพสมรสและความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งคอมดลูก มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งคอมดลูก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ค่าพี น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.05) ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกท่าน ควรให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งคอมดลูกแก่สตรีกลุ่มเป้าหมายเป็นประจำ เพื่อให้สตรีกลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งคอมดลูกเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีของกลุ่มเป้าหมายต่อไป

บทคัดย่อ
This survey research study was aimed at to examining the self-health-care behavior of women in preventing cervical cancer among a target group of women in Tambol Nong Ya Sai, Amphur Nong Ya Sai, Suphan Buri. Applying the Health Belief Model Theory as a guideline, the research had been performed during June and July 2007 using purposive sampling on 251 target women aged 35, 40, 45, 50, 55 and 60 in the area under the responsibility of Nong Ya Sai Hospital. The research workflow consisted of interviewing, data collection and analyzing processes, using frequency distribution, percentage, means, standard deviation, chi-square test and Pearson’s correlation coefficient. The results indicated that 46.6 percent of the target group of women had an intermediate level of knowledge about cervical cancer, 97.2 percent had an intermediate level of acknowledging risk opportunities in having cervical cancer, 68.1 percent had an intermediate level of acknowledging cervical cancer, 72.9 percent had a high level of acknowledging the benefit of having a Pap smear test, 60.6 percent had a high level of self-care behavior in preventing cervical cancer, 53.0 percent had a Pap smear test, while 10.7 percent did not undergo that test. The research also informs that marriage status and knowledge about cervical cancer have a significant relationship with self-care behavior in preventing cervical cancer (p value ≤ 0.05). Recommendation: Public health officials should provide knowledge about cervical cancer to increase the number of target group women who have undergone a Pap smear test, which will lead to good health.
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hsri-journal-v2n1 ...
ขนาด: 154.4Kb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 2
ปีงบประมาณนี้: 55
ปีพุทธศักราชนี้: 32
รวมทั้งหมด: 475
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Articles [1366]

    บทความวิชาการ


DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [619]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [99]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [125]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [158]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1281]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [228]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [20]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV