บทคัดย่อ
การศึกษาการฆ่าตัวตายสำเร็จของผู้ป่วยทำร้ายตนเองในอำเภอขาณุวรลักษบุรีและอำเภอคลองขลุง ในพ.ศ. 2550 มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบสถานภาพทั่วไป ปัจจัยเสี่ยงที่แตกต่างกัน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิย้อนหลังจากรายงาน รง.506DS พ.ศ. 2550 ด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติวิเคราะห์การทดสอบที และสมการถดถอยลอจิสติค ผู้ป่วยทั้งสิ้น 110 ราย เกือบทั้งหมดเป็นคนไทย มีอาชีพเกษตรกร ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุวัยแรงงาน สถานภาพสมรสคู่ เพศหญิงมากกว่าเพศชาย 2 เท่า ฆ่าตัวตายสำเร็จ 12 ราย (ร้อยละ 10.6) โดยผู้ป่วยอำเภอคลองขลุงมีอัตราตายสูงกว่าผู้ป่วยอำเภอขาณุวรลักษบุรี 4 เท่า ส่วนใหญ่ทำร้ายตัวเองครั้งแรกและไม่คิดทำซ้ำ ปัจจัยกระตุ้นให้ทำร้ายตนเองมี 2 ปัจจัยขึ้นไป ได้แก่ ภาวะซึมเศร้า การป่วยทางกายเรื้อรัง พฤติกรรมเสพติดไม่ใช่ปัจจัยหนุนสำคัญ การจัดบริการแก่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มากกว่า 2 บริการ เมื่อเปรียบเทียบผู้ป่วยอำเภอขาณุวรลักษบุรีกับคลองขลุง พบความแตกต่างสำคัญเกี่ยวกับจำนวนวิธีการทำร้าย การดื่มสารฆ่าแมลง การเจ็บป่วยทางกายโดยเฉพาะปวดข้อ/เก๊าต์/ปวดเข่า/ปวดหลังเรื้อรัง ติดบุหรี่ การให้บริการแนะนำญาติ แจกเอกสาร จัดยาลดความกังวล บริการอื่นๆ เช่น การส่งต่อเพื่อรักษา การคิดทำร้ายตนเองซ้ำ ซึ่งอำเภอขาณุวรลักษบุรีมีค่าเฉลี่ยสูงกว่ายกเว้น 2 ปัจจัยแรก ผลการวิเคราะห์ปัจจัยกระทบการฆ่าตัวตายสำเร็จ พบว่าปัจจัยกระตุ้นและการบริการมีนัยสำคัญทางสถิติมากและมีผลทำให้การฆ่าตัวตายสำเร็จลดลง ในขณะที่พฤติกรรมส่วนตัวเช่น ติดสุรา เป็นปัจจัยเสริมให้การฆ่าตัวตายสำเร็จสูงขึ้น แต่มีผลกระทบน้อยมาก ผู้วิจัยเสนอแนะให้จัดบริการที่ดีและเหมาะสมเพื่อลดอัตราตาย และคัดกรองปัจจัยเสี่ยงกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีของประชาชนที่มีภาวะเสี่ยง
บทคัดย่อ
This study was aimed at identifying the general characteristics and different factors
related to the commission of suicide, and the factors affecting the accomplishment of
suicide between residents of Khanuworalaksaburi and Khlongkhlung districts in 2007.
Secondary information on the patients was obtained from the report 506 DS in 2007. The
data were analyzed by descriptive statistics, t-test and logistic regression.
The study included 110 patients, 12 were successful in committing suicide, equal to
10.6 percent of the total. The death rate of Khlongkhlung’s victims was four-fold greater
than Khanuworalasaburi’s. Nearly all of the suidcides committed were Thai agriculturists,
in the working-age group and married. The prevalence in females was four times
higher than in males. For most of the subjects, it was their first attempt; of those who
survived, they were reluctant to repeat the suicide attempt. Most of the victims had two
or more precipitating factors: the most common was depression, physically chronic
diseases and having sufferred abuse; these were enabling factors but not significant.
Most of the victims received service provision two or more times. The comparative study
indicated that there was significance in the different modes of committing suicide, especially
with regard to the use of insecticide, and physically chronic illness, particularly
rheumatic diseases, as well as tobacco addiction. The types of services provision included
making suggestions to their relatives, handout distribution, medication for depressive
disorder, other supportive services such as referral for repeated suicide attempts. The
risk factors and service provision were both significant factors in decreasing the success
rate of those intending to commit suicide. Having suffered abuse was an important factor
in raising the success rate. The authors suggest that the provision of good-quality and
appropriate services would effectively decrease the success of attempts to commit suicide,
while the screening for the precipitating factors and a change in abusive behavior
would reduce the number of attempts.