บทคัดย่อ
การเกิดขึ้นของพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ระบบสุขภาพไทย การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการกำหนดนิยามใหม่ให้กับคำว่า “สุขภาพ” ที่ขยายอาณาบริเวณของ “ระบบสุขภาพ” ออกไปพ้นจากการแพทย์และสาธารณสุขและเปิดพื้นที่ให้กับการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง นอกจากนิยามของสุขภาพจะเปลี่ยนไป นิยามของ “การปกครอง” ก็เปลี่ยนไปด้วย ความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับโลกทำให้สิ่งที่เรียกว่า “การปกครองโดยรัฐ” (Government) ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการดูแลรับผิดชอบสังคมได้โดยลำพังอีกต่อไป อีกทั้งการปฏิรูประบบบริหารจัดการภาครัฐ การเกิดขึ้นของประชาสังคม และขบวนการปฏิรูปการเมือง ได้เปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมและทำให้เกิดรูปแบบการกำกับดูแลและจัดการสังคมแบบใหม่ๆ ที่เรียกว่า “การอภิบาล” (Governance) เป็นสิ่งใหม่ที่เข้ามามีบทบาทแทนที่การปกครองโดยรัฐแบบดั้งเดิม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในระบบสุขภาพด้วยเช่นกันในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพของประเทศไปสู่เป้าหมาย เป็นที่ยอมรับว่า “การอภิบาลระบบสุขภาพ” (Health System Governance) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ในการชี้ทิศทางและกำกับดูแลให้ระบบสุขภาพเคลื่อนตัวไปตามทิศทางที่กำหนด กลไกอภิบาลจึงได้กลายเป็นเป้าหมายในการพัฒนาและการปฏิรูประบบสุขภาพ แต่อุปสรรคสำคัญ คือ ความซับซ้อนของระบบและความหลากหลายของแนวคิดและการใช้ถ้อยคำ เนื่องจากระบบสุขภาพที่ซับซ้อน มีการเชื่อมประสานองค์รวมและมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางเป็นสังคมที่ไร้ศูนย์กลาง (Centerless Society) การอภิบาลเกิดขึ้นได้โดยทุกจุดจนไม่สามารถแยกองค์ประกอบของกลไกอภิบาลออกจากระบบได้ งานวิจัยชิ้นนี้เป็นความพยายามในการพัฒนากรอบแนวคิดเพื่อใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์สิ่งที่เรียกว่า “กลไกอภิบาลระบบสุขภาพแห่งชาติ” โดยพยายามทำศึกษาและทบทวนแนวคิดเรื่อง “การอภิบาล” แยกออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนจาก “ธรรมาภิบาล” ซึ่งเป็นเพียงมิติหรือมุมมองหนึ่งของการอภิบาลเท่านั้น โดยพยามยามค้นหาคำตอบที่สำคัญ 3 ประเด็น ได้แก่ 1. กรอบแนวคิดของ “การอภิบาลระบบสุขภาพ” ควรเป็นอย่างไร 2. กลไกอภิบาลระบบสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไรและ 3. การพัฒนากลไกอภิบาลระบบสุขภาพแห่งชาติที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันควรทำอย่างไร