บทคัดย่อ
การวิจัยผสมผสานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินระดับความเป็นธรรมทางสุขภาพในแนวคิดสิทธิมนุษยชน เพื่อหาแนวทางลดช่องว่างความเป็นธรรมทางสุขภาพระหว่างกลุ่มคนไทยพื้นราบ,กลุ่มชาวเขาสัญชาติไทย และกลุ่มชาวเขาไร้สัญชาติ รวม 789 คนใน 10 จังหวัดภาคเหนือ ศึกษาในช่วงเดือนธันวาคม 2549 ถึง สิงหาคม 2550 โดยใช้เครื่องมือประเมินความเป็นธรรมทางสุขภาพ 9 กลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ANOVA และ Z-Score เติมเต็มด้วยข้อมูลเชิงคุณภาพ นำเสนอข้อมูลแก่ผู้เชี่ยวชาญ 17 คน เพื่อหาฉันทามติร่วมในการลดช่องว่างความเป็นธรรมทางสุขภาพ
จากการศึกษาพบว่าระดับความเป็นธรรมทางสุขภาพมีความแตกต่างกันทั้ง 3 กลุ่ม จาก 7 ใน 9 ประเด็น (ค่าพี<0.001) ไม่แตกต่าง 2 ประเด็นโดยพบว่าคนไทยพื้นราบมีค่าคะแนนความเป็นธรรมสูงสุด (Z = 0.3293) ตามด้วยชาวเขาสัญชาติไทย (Z=0.1275) และชาวเขาไร้สัญชาติ (Z=-0.3885) แนวทางการลดช่องว่างความเป็นธรรมทางสุขภาพของผู้เชี่ยวชาญมุ่งประเด็นการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม, มาตรฐานสถานบริการสาธารณสุข, การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและการกระจายอำนาจด้านบริการสุขภาพสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การลดช่องว่างความเป็นธรรมทางสุขภาพ จักต้องดำเนินการด้วยนโยบายผสมผสาน เหมาะสม ตรงประเด็น ในอันที่จะส่งผลในวงกว้างเพื่อลดช่องว่างความเป็นธรรมทางสุขภาพในแนวคิดสิทธิมนุษยชน ระหว่างกลุ่มอย่างเป็นรูปธรรม
บทคัดย่อ
This mixed methodology research study was conducted to assess health equity within a human
rights framework, comparing situations among three groups in Thailand in order to close the gap between
these groups. The sample included 789 subjects (ethnic Thais, and hill tribe and stateless hill tribe
people) from 10 provinces in northern Thailand; they were studied from December 2006 to August 2007.
The tool for comparison was the benchmark of fairness for assessing health care reform. Data analysis was by ANOVA, Z-score and fulfilled qualitative data. Based on the research results 17 experts suggested
policy options.
The results revealed significant differences among the three population groups on seven out of the
nine benchmarks (all at p < 0.001). The non-significantly different benchmarks were efficiency and quality
of care (p = 0.170) and administrative efficiency (p = 0.227). With regard to to Z-score analysis, Thai
nationals (group 1) had the highest score (Z = 0.3293), the hill tribes with Thai citizenship (group 2) had a
mid-level score (Z = 0.1275) and the stateless hill tribes (group 3) had the lowest score (Z = –0.3885).
Recommendations from experts to bridge the gap included the need for budget allocations to fit with
population, health care standards, legal reforms and the decentralization of health services to the local
governments.
In conclusion, this research suggested that the Thai government should close the inequity gap by
adopting a policy mix that would affect every population group in Thailand. The establishment of equity
with regard to basic health care will promote human rights concerns within Thailand and will serve as an
example for the promotion of humanitarian efforts elsewhere.