บทคัดย่อ
แม้ว่าบางบริการด้านเวชกรรมฟื้นฟูเริ่มขึ้นในประเทศไทยมานานเกือบสามสิบปีแล้ว แต่ก็นับว่าเป็นงานใหม่ของวงการสาธารณสุขไทย เพราะแต่เดิมคนส่วนใหญ่รู้จักเพียงบริการด้านกายภาพบำบัด ซึ่งเริ่มขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ต่อมาเมื่อมีการจัดการเรียนการสอนสาขากิจกรรมบำบัด สาขาแก้ไขการพูด สาขากายอุปกรณ์ การฝึกอบรมแพทย์ผู้เชียวชาญเวชศาสตร์ฟื้นฟู และการฝึกอบรมพยาบาลเวชศาสตร์ฟื้นฟู จึงทำให้ประเทศไทยเราสามารถให้บริการด้านเวชกรรมฟื้นฟูได้กว้างขวางและครอบคลุมทัดเทียมประเทศที่พัฒนาแล้ว
ดังนั้น เมื่อกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เชิญตัวแพทย์ผู้เชียวชาญและบุคลากรด้านสาธารณสุขทุกสาขามาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการคำนวนต้นทุนบริการเมื่อ ปี พ.ศ.2551 จึงนับเป็นโอกาสดียิ่งที่บุคลากรด้านเวชกรรมฟื้นฟูได้ร่วมมือกันศึกษาต้นทุนกิจกรรมบริการและจัดทำหนังสืออัตราค่าบริการด้านเวชกรรมฟื้นฟูเป็นครั้งแรก โดยเริ่มจากการจัดตั้งคณะอนุกรรมการค่าบริการด้านเวชกรรมฟื้นฟูขึ้น จากนั้นจึงมีการประชุมปรึกษาหารือกันหลายต่อหลายครั้ง และ 1 ปีต่อมาคณะอนุกรรมการฯ จึงทำงานชิ้นนี้สำเร็จพร้อมมอบผลลัพท์คือต้นทุนบริการและอัตราค่าบริการด้านเวชกรรมฟื้นฟู ให้แก่กรมสนับสนุนการบริการสุขภาพเมื่อกลางปี 2552 นี้
จากการทุ่มแรงกายและแรงใจของคณะอนุกรรมการฯ ทุกคน ผลงานชิ้นนี้จึงมีปริมาณเนื้อหาละเอียดมากกว่าความต้องการของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติเล็งเห็นว่าสมควรนำข้อมูลทั้งหมดมาจัดพิมพ์รวมเล่มเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้รับรู้ว่าต้นทุนกิจกรรมและอัตราค่าบริการที่นำเสนอนั้นได้มาอย่างไร จึงมีการแต่งตั้งคณะทำงานค่าบริการเวชกรรมฟื้นฟูขึ้น เพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลสำหรับการจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มและบันทึกลงแผ่นซีดี อีกทั้งนำเสนอผ่านเวบเซต์ของราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย สภากายภาพบำบัด สมาคมกิจกรรมบำบัด และศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ต่อไป
สุดท้าย ต้องขอขอบคุณ สถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ ที่ให้ทุนสำหรับการจัดพิมพ์หนังสือต้นทุนบริการและอัตราค่าบริการด้านเวชกรรมฟื้นฟู สำนักงานส่งเสริมบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ที่สนับสนุนให้บุคลากรทุกฝ่ายด้านเวชกรรมฟื้นฟูในประเทศไทยมีโอกาสรวมตัวกันทำผลงานร่วมกันเป็นครั้งแรก และศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ที่เป็นตัวจักรขับเคลื่อนให้เกิดต้นฉบับและการจัดพิมพ์ผลงานชิ้นนี้ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกำหนดอัตราบริการด้านงานเวชกรรมฟื้นฟูของประเทศต่อไป