บทคัดย่อ
การวิจัยนี้เพื่อเปรียบเทียบต้นทุน-ประสิทธิผลของการรักษาสู้ป่วยวันโรคกลุ่มมีพี่เลี้ยงดูแลในชุมชนกับกลุ่มที่ดูแลโดยโรงพยาบาลที่ปฏิบัติต่อประชาชนอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยประเมินต้นทุนในมุมมองของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ และเปรียบเทียบต้นทุน-ประสิทธิผลโดยคำนวณจากต้นทุนการรักษาผู้ป่วยได้ผลสำเร็จ กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบจับคู่จากผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ อายุ 15-60 ปี แบ่งเป็นกลุ่มมีพี่เลี้ยงดูแลในชุมชน 54 ราย และกลุ่มดูแลที่โรงพยาบาล 52 ราย ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มย่อยคือ เข้ารักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1-7, 8-14 และ 14 วันขึ้นไป จำนวน 38, 8 และ 6 ราย ตามลำดับ รูปแบบของการวิจัยเป็นแบบเก็บข้อมูลย้อนหลังและไปข้างหน้าในช่วง 1 พฤศจิกายน 2552 - 31 กรกฎาคม 2553 รวม 9 เดือน ข้อมูลต้นทุนในมุมมองของผู้ให้บริการรวบรวมได้จากแฟ้มประวัติการรักษาของผู้ป่วย ส่วนข้อมูลด้านต้นทุนในมุมมองของผู้รับบริการได้จากการสัมภาษณ์ จากการวิจัย พบว่า ในกรรักษาผู้ป่วยวัณโรคกลุ่มมีพี่เลี้ยงดูแลในชุมชน สามารถประหยัดค่าใช้ง่ายร้อยละ 30.31 เมื่อเทียบกับกลุ่มดูแลที่โรงพยาบาล กลุ่มมีพี่เลี้ยงดูแลในชุมชนมีต้นทุนเฉลี่ย 9,436.84 บาทต่อราย ส่วนกลุ่มดูแลที่โรงพยาบาล เฉลี่ย 13,540.32 บาทต่อราย เมื่อแบ่งเป็นกลุ่มย่อยนอนโรงพยาบาล 1-7, 8-14 และมากกว่า 14 วัน มีต้นทุนเฉลี่ย 10,051.97, 19,168.93 และ 27,969.72 บาทต่อราย ตามลำดับ ด้านเวชกรรมพบว่า ผลความสำเร็จของการรักษาแบบกลุ่มมีพี่เลี้ยงในชุมชนและกลุ่มดูแลในโรงพยาบาลคิดเป็นร้อยละ 90.74 และ 94.23 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่ม พบว่า ในการรักษาผู้ป่วยวัณโรคให้สำเร็จเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด กลุ่มดูแลที่โรงพยาบาลจะมีต้นทุนเพิ่มมากขึ้นกว่ากลุ่มมีพี่เลี้ยงดูแลในชุมชน 1,175.78 บาท ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัยคือ รูปแบบการมีพี่เลี้ยงดูแลในชุมชน เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยวัณโรคที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และมีส่วนสำคัญต่อการจัดตั้งหน่วยรักษาวัณโรคภายใต้ข้อจำกัดของทรัพยากรในโรงพยาบาลแม่สาย
บทคัดย่อ
This study was aimed at comparing the cost-effectiveness of tuberculosis treatment strategies between
community-based DOTS (Directly Observed Therapy, Short Course) and hospital care at Maesai
Hospital, Chiang Rai Province. Data on costs were collected in terms of provider and patient perspectives.
Cost-effectiveness was calculated as the cost per patient successfully treated. The nine-month historical
cohort study from November 1, 2009 to July 31, 2010 was designed to measure outcomes of tuberculosis treatment. By matching new pulmonary tuberculosis patients aged 15 to 60 years, the study included
54 patients from community-based DOTS programs and 52 patients receiving hospital care. The
hospital cases were divided into three groups, i.e. days since admission: 1 to 7; 8 to 14; and more than 14,
totalling 38, 8 and 6 patients, respectively. The provider cost data were collected from medical records
while the patient cost data were collected in face-to-face interviews.
Results showed that the average tuberculosis treatment costs under community-based DOTS Programs
and hospital care were 9,436.84 baht and 13,540.32 baht per patient, respectively. Communitybased
DOTS reduced costs by 30.31 per cent in comparison with hospital care. Sub-group cost analysis of
hospital care of 1 to 7, 8 to 14 and more than 14 days since admission showed costs of 10,051.97, 19,168.63
and 27,969.72 baht per patient, respectively. The clinical success rates of community-based DOTS and
hospital care were 90.74 per cent and 94.23 per cent respectively. The incremental costs of a case successfully
treated in hospital were 1,175.78 baht higher than that of a community-based DOTS program.
The study suggested that community-based DOTS is a more economically attractive option than
hospital care. This is particularly important in settings where a TB clinic is implemented under the
limited resources available to Maesai Hospital.