บทคัดย่อ
โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย เมื่อพิจารณาจากการเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของทั้งการเสียชีวิตและการเจ็บป่วย ในรายงานสถานะของโรคไม่ติดต่อปี 2553 ขององค์การอนามัยโลกมีข้อเสนอแนะมาตรการระดับประชากรที่มีประสิทธิผลและความคุ้มค่า 26 มาตรการในการจัดการควบคุมและป้องกันวิกฤตปัญหาโรคเรื้อรังไม่ติดต่อ โดยแบ่งเป็นกลุ่มมาตรการหลักที่มีความคุ้มค่าและควรดำเนินการที่สุด 12 มาตรการ และมาตรการที่มีความคุ้มค่าและควรดำเนินการรองลงไปอีก 14 มาตรการ มาตรการระดับประชากรเหล่านี้มุ่งเน้นที่การจัดการห้าพฤติกรรมเสี่ยงที่ส่งผลต่อปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อันได้แก่ พฤติกรรมการสูบบุหรี่/ยาสูบ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม การมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ และการได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบี รายงานฉบับนี้เป็นการศึกษาข้อจำกัดและโอกาสของประเทศไทยในการดำเนินการทั้ง 26 มาตรการ โดยทำการวิเคราะห์ในสามประเด็นได้แก่ หลักการและแนวคิดของมาตรการ, สถานการณ์ของมาตรการ และโอกาสในการพัฒนาความเข้มแข็ง จากการทบทวนสถานการณ์ของทั้ง 26 มาตรการ มาตรการเหล่านี้มีระดับความเข้มแข็งของเนื้อหานโยบาย, ความเข้มแข็งของการนำไปปฏิบัติ และ โอกาสในการพัฒนาความเข้มแข็งแตกต่างกัน และโดยรวมสรุปได้ว่า ประเทศไทยยังมีช่องว่างและข้อจำกัดในการจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังชัดเจน ทั้งด้านระดับความสำคัญ ทรัพยากร ศักยภาพ ความต่อเนื่อง การประเมินผล และการประสานงาน นอกจากนั้น บางมาตรการยังไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นทางการ และบางมาตรการมิได้เป็นไปในทิศทางเพื่อการควบคุมและป้องกันผลต่อสุขภาพ
บทคัดย่อ
Non Communicable Diseases (NCDs) is the most important health problem in Thailand, in terms of
both mortality and morbidity. In the Global Status Report on Noncommunicable Diseases 2010, World Health Organization recommends 26 effective and cost-effective interventions to tackle NCDs crisis. Further
divided into 12 Best buys intervention and 14 Good buys, these population-wide policy interventions
aim to address NCDs at their five major risk behaviours. These include tobacco use, alcohol consumption,
food and beverage dietary, physical activity and Hepatitis B vaccination. This study describes theoretical
concepts of the intervention, and analyses situations, gaps and opportunities of Thailand to adopt these
26 interventions. These interventions differ in terms of strength of policy content, implementation and
feasibility to be strengthened. In conclusion, Thailand faces many major limitations in embarking these
Best buys and Good buys health interventions, including priority, resources, capacity, sustainability, monitoring
and evaluation, and coordination. While some are not exists at macro scale in Thailand, some interventions
were not primarily designed for health purposes.