บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของเภสัชกรผู้ปฏิบัติงานในระบบยาของโรงพยาบาลในการวิเคราะห์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ OP 18 แฟ้ม เพื่อใช้ในการประเมินการเข้าถึงยาภายใต้ระบบประกันสุขภาพ และคุณภาพการสั่งใช้ยา
2. เพื่อพัฒนารูปแบบวิธีการอบรม ที่ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
ผลสรุปและข้อค้นพบที่สำคัญ (Key message)
1. ในปัจจุบันยังไม่มีการนำฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์การให้บริการของโรงพยาบาลมาวิเคราะห์ประมวลผล เภสัชกรยังไม่คุ้นเคยเกี่ยวกับตัวชี้วัดเพื่อประเมินการเข้าถึงยาและคุณภาพการสั่งใช้ยา
2. โครงการนี้อบรมการวิเคราะห์ข้อมูลการสั่งใช้ยา 7 ประเด็นที่สำคัญได้แก่ (1) การสั่งใช้ยาบัญชี ง และบัญชี จ(2) (2) การสั่งใช้ยาจิตเวช (3) การสั่งใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ (4) การสั่งใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผล (5) การสั่งใช้ยากลุ่ม benzodiazepine (6) การสั่งใช้ยา inhaled corticosteroid ในผู้ป่วย asthma และ (7) การสั่งใช้ยากลุ่ม ACEIs หรือ ARBs และ Statins ในผู้ป่วยเบาหวาน ผลการวิเคราะห์พบความแตกต่างกันระหว่างโรงพยาบาลค่อนข้างมาก โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 134 แห่ง จำนวน 195 คน สามารถนำเข้าข้อมูลปีงบประมาณ 2554 เพื่อการวิเคราะห์ได้ 120 แห่ง (ร้อยละ 90) และสามารถแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลได้ 88 แห่ง (ร้อยละ 66) เภสัชกรที่เข้ารับการอบรมสามารถทำการวิเคราะห์ด้วยตนเองได้โดยอาศัยชุดคำสั่งที่จัดเตรียมไว้ และสามารถนำผลการวิเคราะห์ไปพัฒนาคุณภาพการสั่งใช้ยาในโรงพยาบาลของตนได้ ทั้งนี้สามารถนำแนวคิดการวิเคราะห์ และชุดคำสั่งไปปรับประยุกต์ใช้กับการวิเคราะห์ตัวชี้วัดอื่นได้ ผลการติดตามพบว่า 33% ของโรงพยาบาลที่เข้ารับการอบรมสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของ 2 ปีงบประมาณ (2553-2554) ได้ด้วยตนเอง ข้อจำกัดของโครงการนี้ คือยังไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องอาศัยราคายาได้ เนื่องจากฐานข้อมูล OP 18 แฟ้มของโรงพยาบาลต่างๆ ขาดข้อมูลราคายาที่ถูกต้อง และยังมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
3. การอบรมใช้คำสั่งการวิเคราะห์ข้อมูลที่เขียนด้วย SQL เนื่องจากเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย โครงสร้างคำสั่งไม่ซับซ้อน และเป็นภาษาที่สนับสนุนต่อการประมวลผลฐานข้อมูลบริการสุขภาพของโรงพยาบาลในประเทศไทยในปัจจุบัน การประชุมครั้งที่ 1 ทดสอบว่าโปรแกรม SQL เข้าใจง่าย สร้างทีมวิทยากร ตัวแทนที่มีความเข้าใจดีจำนวน 9 คนได้ร่วมกันจัดทำคู่มือพัฒนาชุดคำสั่ง SQL ใช้เวลาจัดทำ 2 สัปดาห์ การประชุมครั้งที่ 2 เน้นการฝึกการถ่ายทอดและทดสอบการทำงานทีมวิทยากร การประชุมครั้งที่ 3-5 เน้นการนำฐานข้อมูลของโรงพยาบาลตนเองมาวิเคราะห์ และการสร้างเครือข่าย รวมทั้งมีการติดตามผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบของ 2 ปีงบประมาณ (2553 และ 2554) การประชุมครั้งที่ 6 เป็นการทดสอบการขยายผลโดยทีมวิทยากรไม่มีผู้เชี่ยวชาญหลักช่วยในการฝึกอบรม
4. ควรนำข้อมูลสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้นในด้าน 1.) การประเมินตัวชี้วัดคุณภาพการใช้ยา และการเงินการคลัง การเข้าถึงยาจำเป็น ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายด้านยา การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง 2.) การพัฒนาระบบงานบริการเภสัชกรรม ได้แก่ โปรแกรมพัฒนางาน ADR center, Medication reconciliation การค้นหาผู้ป่วยเป้าหมาย เช่น การเข้ารับบริการบ่อยครั้งของ IP, OP visit, การมาผิดนัด การติดตามการใช้ยาที่ควรเฝ้าระวัง ทั้งนี้เสนอให้ทีมนักวิจัย ดำเนินการโดยให้กลุ่มสารสนเทศของสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาลมีส่วนร่วมในการพัฒนาต่อไป
5. ปัญหาที่พบในการนำเข้าข้อมูล พบว่าแฟ้ม PERSON.txt เป็นแฟ้มสะสม หากไม่ตรวจสอบว่ามีข้อมูลเดิมอยู่แล้วจะทำให้เกิดความซ้ำซ้อนได้ ส่วนแฟ้ม DRUG.txt โดยเฉพาะฟิลด์ DNAME ซึ่งเป็นชื่อยาภาษาไทย มีการกำหนดรหัสภาษาที่แตกต่างกัน ส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลพบปัญหาว่าแฟ้ม SERVICE.txt มีรหัสสิทธิการรักษาไม่เป็นไปตามที่ สปสช. กำหนด แฟ้ม DRUG.txt พบปัญหาการบันทึกรหัสยามาตรฐาน แฟ้ม PERSON.txt พบการบันทึกข้อมูลวันเกิดคลาดเคลื่อน แฟ้ม DIAG.txt พบว่า รพ.แต่ละแห่งบันทึกรหัสการวินิจฉัยโรคแตกต่างกัน มาตรฐานข้อมูลที่แตกต่างกันของแต่ละหน่วยบริการ เป็นสิ่งที่จะส่งผลให้การวิเคราะห์ข้อมูลในภาพรวมระดับประเทศเกิดความคลาดเคลื่อนได้สูง