บทคัดย่อ
โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่เสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยเบาหวานที่มารับบริการที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบนส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ การวิจัยแบบกึ่งทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบระดับน้ำตาลในเลือด และระดับแรงดันเลือดก่อนและหลังใช้รูปแบบการจัดบริการเพื่อส่งเสริมศักยภาพการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานในช่วงปลายเดือนที่ 3, เดือนที่ 6 และเดือนที่ 9 ในผู้ป่วยเบาหวานที่มารับบริการที่คลินิกเบาหวานและความดันโลหิตสูง แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลกระทุ่มแบน กลุ่มตัวอย่างเลือกแบบเฉพาะเจาะจง 288 คน เครื่องมือศึกษาประกอบด้วยแบบบันทึกข้อมูล เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิทัลชนิดมีที่วัดส่วนสูง เครื่องวัดแรงดันเลือดชนิดตั้งพื้น คู่มือการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง คู่มือสุขศึกษาเรื่องการออกกำลังกาย คู่มือสุขศึกษาเรื่องอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง รูปแบบการจัดบริการประกอบด้วยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การวัดแรงดันเลือด การประเมินปัญหาสุขภาพ และวางแผนแก้ปัญหารายบุคคลร่วมกันระหว่างผู้ป่วยและทีมสุขภาพ การให้คำแนะนำเรื่องอาหาร การจัดกิจกรรมการออกกำลังกายกลุ่มครั้งละ 30 นาที ผลการเปรียบเทียบระดับน้ำตาลในเลือด และระดับแรงดันเลือดก่อนและหลังใช้รูปแบบการจัดบริการเพื่อส่งเสริมศักยภาพการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานในเดือนที่ 3 เดือนที่ 6 และเดือนที่ 9 โดยใช้สถิติ repeated measures analysis variance พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนและหลังใช้รูปแบบการจัดบริการเพื่อส่งเสริมศักยภาพการดูแลตนเองของผู้ป่วยในเดือนที่ 3 เดือนที่ 6 และเดือนที่ 9 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (เอฟ = 7.18 ค่าพี = 0.00) และเอฟ = 6.95 ค่าพี = 0.00) ตามลำดับ และระดับแรงดันเลือดไดแอสโทลิคก่อนและหลังใช้รูปแบบการจัดบริการเพื่อส่งเสริมศักยภาพการดูแลตนเองของผู้ป่วยไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (เอฟ = 2.58 ค่าพี = 0.189) สรุปว่าผลการจัดบริการที่เป็นการส่งเสริมศักยภาพการดูแลตนเองของผู้ป่วยมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลและแรงดันเลือดในผู้ป่วยเบาหวานที่มีแรงดันเลือดสูง
บทคัดย่อ
Diabetes and hypertension increase the chance of a person developing heart disease
or stroke, which is called metabolic syndrome. We found that many diabetes patients attending the out-patient department in Krathumban Hospital could not control their
blood sugar levels. This quasi-experimental design was aimed at comparing fasting blood
sugar levels and blood pressure levels between pre and post utilization of service for
competency promotion of self-care intervention at 3-month, 6-month and 9-month intervals.
The 288 samples were selected by purposive sampling. The research instruments
comprised research questionnaire, digital weight and hight scale, sphygmomanometer,
and the service pattern for competency promotion for self-care intervention. The problems
of the patients and the health-care team were assessed iointly. They were advised
about diet control and exercise practiced for 30 minutes. The service pattern for competency
promotion to self-care intervention was utilized every 3 months. All samples underwent
blood tests and blood pressure testing pre and post utilization of service for
competency promotion of self-care intervention at 3-month, 6-month and 9-month intervals.
The results showed that there were significant differences among the fasting blood
sugar levels and systolic blood pressure levels pre and post service (F = 7.18, P = 0.00) and
(F= 6.95, P = 0.00) by using repeated measure analysis of variance. Service pattern
for competency promotion for self-care intervention should be included in the care of
diabetes and hypertension disease in hospitals.