บทคัดย่อ
สถิติชีพ (Vital Statistics) เป็นดัชนีชี้วัดสำคัญในการติดตามความสำเร็จของเป้าหมายการพัฒนาสหัสวรรษ (MDG-Millennium Development Goal) อันเป็นมติที่สำคัญขององค์การสหประชาชาติ (United Nation) สถิติชีพที่มีความถูกต้อง เชื่อถือได้นอกจากจะช่วยให้ประเทศติดตามความก้าวหน้าในการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศ ตาม MDG แล้วยังเป็นสถิติที่สำคัญในการวางแผนการพัฒนาและการจัดการของหลายหน่วยงาน แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดของสถิติชีพคือระบบทะเบียนราษฎร(Civil Registration) ที่มีประสิทธิภาพ กว่าครึ่งของประเทศในโลกไม่มีระบบทะเบียนราษฎรและสถิติชีพหรือมีแต่ไม่มีประสิทธิภาพ องค์การสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก(World Health Organization WHO) เห็นความสำคัญในเรื่องนี้และสนับสนุนให้ประเทศต่างๆดำเนินการประเมินสถานการณ์และหาทางพัฒนาระบบทะเบียนราษฎร และสถิติชีพของตนให้มีประสิทธิภาพขึ้นในปี 2554 องค์การอนามัยโลกร่วมกับมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลียได้พัฒนาเครื่องมือมาตรฐานการประเมินและคู่มือพัฒนาระบบทะเบียนราษฎรและสถิติชีพของประเทศ (Strengthening practice and systems in civil registration and vital statistics: A Resource Kit) ขึ้น องค์การอนามัยโลกและหลายองค์กรภายใต้องค์การสหประชาชาติ เช่น UNESCAP สนับสนุนให้ประเทศต่างๆ นำเครื่องมือและคู่มือนี้ไปปรับใช้ ประเทศไทยแม้จะมีระบบทะเบียนราษฎรและสถิติชีพมานานหลายสิบปี แต่ยังไม่เคยมีการประเมินระบบทะเบียนราษฎรและสถิติชีพของประเทศอย่างเป็นระบบ ศูนย์พัฒนามาตรฐานระบบข้อมูลสุขภาพไทย (ศมสท.) เครือสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(สวรส.) จึงรับเป็นหน่วยประสานงานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทะเบียนราษฎรและสถิติชีพ เช่น กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ดำเนินการประเมินระบบทะเบียนราษฎรและสถิติชีพของประเทศไทยโดยใช้เครื่องมือประเมินขององค์การอนามัยโลกดังกล่าวข้างต้น รายงานฉบับนี้เป็นรายงานการประเมินระบบทะเบียนราษฎรและสถิติชีพแบบเร็ว (Rapid assessment of Civil registration and vital statistics) ที่ได้ดำเนินงานในปี 2555 เนื้อหาในรายงานประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ บทที่ 1 กล่าวถึงที่มาและความสำคัญ บทที่ 2กล่าวถึงวัตถุประสงค์ เครื่องมือ และกระบวนการประเมินฯ บทสุดท้ายเป็นผลการการประเมินฯ พร้อมข้อเสนอแนะ ผู้จัดทำรายงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้บริหาร ผู้เกี่ยวข้อง และผู้สนใจการระบบทะเบียนราษฎรและสถิติชีพของประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาระบบทะเบียนราษฎรและสถิติชีพของประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
บทคัดย่อ
Vital statistics provide essential information for monitoring the progress towards achieving the United Nations
Millennium Development Goals (MDGs). Well-functioning and reliable civil registration and vital statistics systems (CRVS
systems) are not only needed for national development, monitoring and evaluation systems, but also for organizations
to plan and manage their operation and programs. Well-functioning civil registration systems are the best data source
for reliable vital statistics. However, more than half of the countries around the world do not have CRVS systems or, if
they do, they do not function well. The United Nations (UN) and the World Health Organization (WHO) recognize and
are aware of this issue and are facilitating member countries to evaluate and improve their CRVS systems.
In 2011, WHO and the University of Queensland, Australia, developed a standard tool called, “Strengthening practice
and systems in civil registration and vital statistics: A Resource Kit ”, in order to strengthen CRVS systems. WHO and
many UN organizations, such as the United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific (ESCAP),
encourage and assist member countries to use this tool.
CRVS systems have existed in Thailand for many decades, but have not been systematically evaluated. Therefore,
an assessment was a key step to understanding the status of the current system and identifying areas that need
improvement. The Thai Health Information Standards Development Center (THIS) and other key stakeholders, such as
the Ministry of Public Health, National Statistics Office, and Ministry of Interior, came together to evaluate the CRVS
system using the WHO Rapid Assessment of National Civil Registration and Vital Statistics Systems tool.
This report outlines the methodology and findings from this rapid assessment. It contains three main sections: chapter
one describes the background and history of Thailand’s CRVS system; chapter two describes the assessment objectives,
the tool and evaluation process; and the final chapter provides an analysis of results and recommendations.
It is hoped that the assessment will be informed Thai policy makers, administrators and others involved in CRVS of the
system’s strengths and weaknesses and hope to gain their support for further improvment system.