บทคัดย่อ
การจัดการความรู้ภูมิปัญญาสุขภาพวิถีไทในระบบบริการปฐมภูมิและระบบสุขภาพชุมชนมุ่งเน้นการถอดบทเรียนการดำเนินงานแพทย์แผนไทยเป็นรายกรณีศึกษาใน 5 จังหวัด คือ จังหวัดสุราษฏร์ธานี จังหวัดศรีษะเกษ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดลำปาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) รวบรวมประสบการณ์การทำงานด้านภูมิปัญญาสุขภาพวิถีไทตามโจทย์ของแต่ละพื้นที่ และค้นหาปฏิบัติการที่เกิดขึ้นเป็นรายกรณีศึกษาจากระบบงานต่างๆ อาทิ ระบบยาสมุนไพร การจัดบริการ การทำงานกับชุมชน การบริหารจัดการ การส่งต่อ เครื่องมือการทำงาน แนวคิดและนวัตกรรมที่เกิดขึ้น เป็นต้น ๒) เพื่อวิเคราะห์บทเรียนชุดต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการคิดและดำเนินงานของแต่ละพื้นที่ และสังเคราะห์บทเรียนที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามนโยบาย และ ๓) เพื่อสร้างเครือข่ายการเรียนรู้และแนวทางพัฒนางานด้านภูมิปัญญาสุขภาพวิถีไทในด้านต่างๆ และนำไปสู่การขยายผลต่อปฏิบัติการในพื้นที่อื่นๆ ต่อไปได้
ผลการจัดกระบวนการถอดบทเรียนได้ ๓๒ กรณีศึกษา และนำกรณีศึกษาทั้งหมดมาจำแนกตามกรอบของการถอดบทเรียนเป็นกรณีศึกษานั้น มุ่งไปที่การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการแพทย์แผนไทย อันได้แก่ รูปแบบบริการและการรักษา การใช้องค์ความรู้ต่างๆ โดยเน้นงานเชิงระบบ คือ ๑) งานด้านสุขภาพชุมชน 11 กรณีศึกษา ซึ่งมีทั้งการทำงานร่วมกับภาคีภาคส่วนต่างๆ ในชุมชนเพื่อดูแลผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ป่วยโรคเรื้อรังช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และพัฒนาระบบบริการผสมผสานร่วมกับหมอพื้นบ้าน ๒) ด้านการรักษา และการส่งเสริมสุขภาพ 19 กรณีศึกษา ที่มีการใช้ยาสมุนไพร และการใช้องค์ความรู้การแพทย์แผนไทยในการรักษาและส่งเสริมสุขภาพ เช่น การนวดแผนไทย การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน การดูแลหญิงก่อนคลอด-หลังคลอด ๓) การพัฒนาระบบการทำงาน 2 กรณีศึกษา โดยมีการวางแผนจัดทำยุทธศาสตร์เพื่อผลักดันงานแพทย์แผนไทย ไปถึงการพัฒนาระบบงานที่เอื้อประโยชน์และมีความคล่องตัวต่อการดูแลสุขภาพผู้ป่วยในชุมชน
จากผลการดำเนินงานดังกล่าวทำให้พบว่า นโยบายมีผลต่อการปฏิบัติงานในพื้นที่ เช่น กลไกทางการเงินจากระบบหลักประกันสุขภาพที่ทำให้การดำเนินงานแพทย์แผนไทยที่เคยมีมาก่อน เกิดการขยายตัวในระบบบริการปฐมภูมิและระบบสุขภาพชุมชนอย่างรวดเร็ว หรือการผลักดันให้แพทย์แผนไทยปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งนโยบายเหล่านี้ยังมุ่งเน้นให้การดำเนินงานแพทย์แผนไทยมีการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆในชุมชน ถือว่าเป็นจุดเด่นของงานระบบบริการปฐมภูมิที่สามารถสร้างระบบสุขภาพชุมชน อย่างไรก็ตามการแพทย์แผนไทยที่ถูกพัฒนาระบบมาตรฐานในระบบบริการปฐมภูมิ ยังมีข้อจำกัดหลายด้าน อาทิเช่น การใช้ความรู้ทางการแพทย์แผนไทยที่ถูกลดทอนไปหลายส่วน ประสบการณ์การทำงานของแพทย์แผนไทยที่ยังมีน้อยและไม่คุ้นเคยกับระบบการทำงานในหน่วยบริการสาธารณสุข การทำงานร่วมกับสหวิชาชีพที่ต้องอาศัยการยอมรับและความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งมีหลายกรณีศึกษาที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบการทำงานให้เหมาะสมตามแต่ละบริบทพื้นที่ ดังนั้น การพัฒนาการแพทย์แผนไทยในระบบบริการปฐมภูมิและระบบสุขภาพชุมชน จึงควรพัฒนาบทบาทการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ปฏิบัติงานระหว่างสหวิชาชีพ และการทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์แผนไทยกับหมอพื้นบ้านที่สามารถหนุนเสริมความรู้ต่อกันได้ โดยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถมีบทบาทสนับสนุนงบประมาณการดำเนินงานและกิจกรรมดังกล่าว ในด้านระบบบริการและการใช้องค์ความรู้ในการรักษาและการส่งเสริมสุขภาพยังถูกจำกัดแค่เพียง การนวด การใช้สมุนไพร แต่ยังเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกหน่วยบริการสามารถคีย์ข้อมูลผ่านระบบเพื่อสามารถเบิกเงินจากระบบหลักประกันสุขภาพได้ ดังนั้นควรหนุนเสริมให้แพทย์แผนไทย ได้ใช้ความรู้ที่หลากหลายตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพในการดูแลสุขภาพ โดยที่มีหน่วยงานกลางให้การสนับสนุนให้บุคลากรเหล่านี้ได้พบปะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้การรักษาโรคที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และส่งต่อข้อมูลระหว่างแพทย์แผนไทยกับแพทย์แผนปัจจุบัน หรือหมอพื้นบ้านเพื่อเกิดประโยชน์กับสุขภาพผู้ป่วย สำหรับด้านการพัฒนาระบบการทำงาน เนื่องจากนโยบายที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้งอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ทำให้เกิดความสับสนต่อผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ มีกรณีศึกษาบางพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ในระดับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือสำนักงานสาธารณสุขระดับอำเภอที่เกี่ยวข้องกับงานแพทย์แผนไทย คอยติดตามและประสานนโยบายสู่พื้นที่ เปิดโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนการทำงาน ปัญหาและอุปสรรค กับแพทย์แผนไทยรุ่นใหม่ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การทำงานแพทย์แผนไทยมีประสิทธิภาพที่ดี เจ้าหน้าที่ในระดับจังหวัดและในระดับอำเภอ จึงควรมีบทบาทการประสานและจัดเวทีแลกเปลี่ยนการทำงาน จึงจะสามารถพัฒนาระบบงานต่างๆ ต่อไปได้ดียิ่งขึ้น