บทคัดย่อ
สมองเสื่อมเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยมากขึ้นในผู้สูงอายุ และจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ
สังคมไทยต่อไปในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะเมื่อทั้งจำนวนและสัดส่วนของผู้สูงอายุในประเทศ
เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในขณะที่ครอบครัวเปลี่ยนจากครอบครัวขยายเป็นครอบครัวเดี่ยว
รวมทั้งเมื่อคู่สมรสมีลูกน้อยลง ทั้งหญิงและชายสมัครใจที่จะอยู่เป็นโสดมากขึ้น
สมองเสื่อมเป็นความเปลี่ยนแปลงของความสามารถสมองที่เลวลงเป็นผลให้ผู้ป่วยไม่
สามารถใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอย่างปลอดภัยอีกต่อไป การที่สมองเปลี่ยนแปลงไปในทางเลงลงนี้เกิด
จากสาเหตุหลายอย่าง ทั้งจากความผิดปกติของสมองโดยตรง เช่น โรคอัลไซเมอร์ หรือเป็นจาก
โรคทางกายอื่น ๆ ซึ่งมีผลทำให้ความสามารถของสมองเปลี่ยนแปลงไป เช่น สมองเสื่อมจาก
ปัญหาหลอดเลือดสมอง ฯลฯ ผู้ป่วยเหล่านี้อาจมีอาการ อาการแสดง ในช่วงต้นแตกต่างกันบ้าง
แต่เมื่อโรครุนแรงขี้น ผู้ป่วยจะมีอาการและอาการแสดงคล้าย ๆ กัน ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลทั้ง
เรื่องกิจวัตรประจำวัน การสุขภาพทั่วไป ความปลอดภัยทั้งสำหรับตัวเองและผู้ที่อยู่รอบ ๆ ผู้ป่วย
ซึ่งอาจจะต้องได้รับการดูแลตั้งแต่ฎช่วงระยะกลางของโรคไปจนถึงระยะท้าย ซึ่งเป็นเวลาโดยเฉลี่ย
ประมาณ 10 ปี
ปัญหาหลักของการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมในปัจจุบันซึ่งเป็นการดูแลโดยผู้ป่วยอยู่ในบ้าน
และมีผู้ดูแลอยู่ด้วยกัน ผู้ดูแลอาจเป็นคนในครอบครัว หรือ เป็นผู้ดูแลที่ได้รับการจ้างวานมาเพื่อ
การดูแลโดยเฉพาะ คือ ครอบครัวไม่ทราบว่าอาการที่ผู้ป่วยแสดงออกนั้นเป็นเพราะมีพยาธิ
สภาพในสมอง กลับไปโทษว่าเป็นเพราะความชรา ความไม่รู้จัก ไม่เข้าใจในลักษณะของโรค
นำไปสู่ปัญหาระหว่างผู้ป่วยและครอบครัวเสมอ ซึ่งการขัดแย้งเหล่านั้นมักจะมีผลทำให้อาการ
ของผู้ป่วยเลวลงไปอีก ในกรณีที่ครอบครัวไม่สามารถดูแลผู้ป่วยที่บ้านได้ต่อไป จึงมักต้องพึ่ง
สถานดูแล ซึ่งในขณะนี้ มีสถานสงเคราะห็ผู้สูงอายุหญิงเพียงแห่งเดียวที่ได้ถูกออกแบบแอย่าง
เฉพาะเจาะจงสำหรับการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม ยังไม่มีสถานดูแลระยะยาวอื่น ๆ (ทั้งภาครัฐ
หรือเอกชน) ในประเทศไทยที่กำหนดแน่ชัดว่าเป็นสถานดูแลระยะยาวสำหรับผู้ป่วยสมองเสื่อม
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความเห็นตรงกันว่า ควรเน้นการ
ดูแลให้ผู้ป่วยอยู่ในครอบครัวอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีทุกฝ่าย โดยมีหลักที่จะให้ผู้ป่วยสามารถใช้
ศักยภาพของตนได้อย่างเต็มความสามารถ จนกว่าจะทำไม่ได้
หลักการในการจัดการดูแลระยะยาวสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้ได้แก่
- ชะลอความเสื่อม ให้สามารถ”รู้เรื่อง” อยู่ได้นานที่สุด ซึ่งต้องดูแลทั้งเรื่องอาหาร การออก
กำลังกาย กิจกรรมประจำวันเพื่อการกระตุ้น และฟื้นฟูสมรรถภาพสมอง
- การดูแลเรื่องความปลอดภัยทั้งในสถานที่อยู่ และ ป้องกันการที่ผู้ป่วยอาจหายออกไปจาก
บ้าน - จัดการสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้ป่วย (รวมทั้ง คน หรือเจ้าหน้าที่ด้วย)
- การให้ความรู้ ความเข้าใจกับผู้ดูแล ทั้งกลุ่มที่เป็นญาติและครอบครัวของผู้ป่วย และ
ผู้ดูแลอาชีพ เพื่อให้สามารถรับมือกับผู้ป่วยกับอาการต่าง ๆ ของผู้ป่วยในแตะละระยะ
ของโรคอย่างเหมาะสม
การดูแลระยะยาวนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับโรคหรือความเจ็บป่วยที่ไม่อาจรักษาให้หายขาด
และร่างกายไม่กลับสู่สภาพเดิม ในผู้ป่วยสมองเสื่อมนั้นการให้ความช่วยเหลือดูแลจะยาก และ
ซับซ้อนกว่าการเลี้ยงดูเด็กที่มีปัญหาทางกายหรือมีความพิการทางสมอง หรือการดูแลผู้ป่วยที่มี
ความบกพร่องทางสภาพร่างกายอื่น ๆ เช่น อัมพาต เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะต้นของโรคที่
ญาติยังคิดว่าผู้ป่วยเป็น”คนแก”มักเป็นเพราะผู้ป่วยยังทำกิจกรรมต่าง ๆ พอได้ แต่ไม่เหมือนเดิม
สภาพร่างกายก็ดูว่าไม่เปลี่ยนไปจากเดิมนัก และครอบครัวมักจะปลอบใจตนเองว่าเพราะเขาแก่
จึงเปลี่ยนไปบ้าง กว่าจะทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจากโรค อาการของผู้ป่วยก็มักจะเป็นไปมากแล้ว
สิ่งที่สำคัญมากอีกประการหนึ่งสำหรับการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมคือ ครอบครัวมักรู้สึกอับอาย
ที่มีญาติผู้ใหญ่ในบ้านมีอาการผิดปกติขนาดนี้ จึงมักปกปิด แอบซ่อนเอาไว้ การให้ความรู้เกี่ยวกับ
เรื่องสมองเสื่อมสู่ชุมชนให้เกิดความตระหนักและรู้จักโรคจะช่วยทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลเร็วขึ้น
และสังคมโดยรอบเป็นหูเป็นตา ช่วยเหลือผู้ป่วยโดยไม่ทิ้งให้เป็นภาระของครอบครัวแต่ฝ่ายเดียว
จะช่วยเรื่องการพลัดหายออกไปจากที่อยู่ได้อย่างดี ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมไทยจะสามารถพัฒนาจิต
สาธารณะของคนในชาติและเครือข่ายความช่วยเหลืออื่น ๆ อย่างเป็นระบบต่อไป