บทคัดย่อ
การปรับรื้อสร้าง (Transformation) ระบบและโครงสร้างทางสุขภาพให้สนองตอบต่อนโยบายแผนงานและยุทธศาสตร์ระยะยาว (20 ปี) ของประเทศไทยตามกระแสโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะนโยบายนวัตกรรมระบบสุขภาพให้ก้าวเท่าทันกับวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและเทคนิคสังคมที่ขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วส่งผลให้วิถีจัดการงานวิจัยระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะการวิจัยทางคลินิกซึ่งแต่เดิมเคยแยกส่วนจากงานวิจัยระบบสุขภาพถูกนำมาทบทวนปรับปรุงให้เชื่อมโยงแสดงภาพอนาคตที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ระยะยาวให้ชัดเจนได้ การจัดการงานวิจัยด้วยวิธีการให้ทุนตามหัวเรื่อง (Topics) หรือแผนที่งานวิจัย (Research Roadmap) จากหน่วยงานและขอบเขตงานวิจัยที่ทำกันอยู่ โดยระดมความคิดเห็นจากนักวิจัยร่วมกับผู้กำหนดนโยบายภาครัฐ เอกชนและภาคส่วนการวิจัย ส่งผลให้การลงทุนในงานวิจัยกระจายแยกส่วนมุ่งตอบคำถามงานวิจัยในระยะสั้นให้ปรับใช้ทันวาระของผู้กำหนดนโยบายและผู้บริหาร ในขณะที่ขาดการประมวลผล วิเคราะห์ข้อจำกัดและอุปสรรคที่ขวางกั้นความมุ่งมั่นตามความต้องการของยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาว ระเบียบวิธีการวิจัย การวิจัยชุดนี้ใช้ระเบียบวิธีทบทวนนโยบายของประเด็นสุขภาพ 5 ด้าน ได้แก่ ไข้เลือดออก วัณโรค เบาหวาน การตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นและการใช้กัญชาในทางการแพทย์กับการทบทวนนโยบายการจัดระบบบริการสุขภาพภายใต้กระแสโลกในศตวรรษที่ 21 เป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์และออกแบบนโยบายและยุทธศาสตร์ สำหรับใช้ในการเสริมหนุนการจัดบริการสุขภาพ การสาธารณสุขและการวิจัยทางสุขภาพของประเด็นสุขภาพทั้ง 5 ด้าน ด้วยวิธีการทบทวนเอกสารและวรรณกรรมแสดงทิศทางนโยบายและยุทธศาสตร์บนพื้นฐานวิชาการสากลเปรียบเทียบกับการขับเคลื่อนนโยบายในประเทศไทยในด้านวิวัฒนาการทางความรู้ (Evolutionary Knowledge) ประสิทธิผลในการป้องกันแก้ไขปัญหา (Effective Intervention) และข้อจำกัดเชิงโครงสร้างและระบบงาน (Path Dependency) เป็นกรอบวิเคราะห์การวางเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพพร้อมทั้งใช้เป็นกรอบการสังเคราะห์ ข้อเสนอเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์และยุทธวิธี สำหรับจัดการงานวิจัยระบบสุขภาพให้เกิดการขับเคลื่อนนวัตกรรมของนโยบายในแต่ละประเด็นปัญหาทางสุขภาพ การวิเคราะห์สมรรถนะงานวิจัยที่ดำเนินงานกันอยู่ในแต่ละประเด็นโดยการทบทวนวรรณกรรมและสัมภาษณ์เจาะลึกนักวิจัยที่มีประสบการณ์และทักษะในการจัดการทีมงานวิจัยแต่ละด้านให้บ่งชี้ข้อจำกัดและปัญหาการจัดการงานวิจัยในประเทศไทย ตลอดจนประมวลบทบาทการจัดการงานวิจัยร่วมกับต่างประเทศหรือระดับโลก การทบทวนยุทธศาสตร์การจัดการงานวิจัยใหม่ๆ ที่ปรับใช้ในต่างประเทศ คือ มรรควิถีการวิจัย (Research Pathway) กลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ คือ ชานชาลางานวิจัย (Research Platform) เทียบกับรูปแบบการจัดการงานวิจัยที่เคยดำเนินงานในประเทศไทยมาก่อนแต่ขาดหายไปทั้งๆ ที่เป็นข้อเสนอในสากล คือ การวิจัยเชิงปฏิบัติงาน (Operation Research) เพื่อทดสอบและพัฒนารูปแบบกับการวิจัยเชิงดำเนินงาน (Implementation Research) เพื่อให้เรียนรู้ประสิทธิผลและประสิทธิภาพการดำเนินงานในระดับพื้นที่ปฏิบัติงาน สำหรับนำมาใช้เป็นกรอบการจัดการงานวิจัยดังกล่าวแล้ว ปรับมาเป็นข้อเสนอให้เกิดบูรณาการการจัดการงานวิจัยเข้ากับกระบวนการนวัตกรรมของนโยบายแต่ละประเด็นผลจากงานวิจัย ผลการวิเคราะห์การดำเนินงานของทั้ง 5 ประเด็น แสดงข้อค้นพบที่สำคัญว่าการกำหนดเป้าหมายของนโยบายในแต่ละประเด็นยังขาดการประเมินความเป็นจริงได้ (Feasibility Assessment) จึงไม่เอื้อให้ฝ่ายปฏิบัติการนำไปขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิผล อีกทั้งยังขาดยุทธศาสตร์เชิงปฏิบัติการที่ตอบสนองต่อเป้าหมายย่อยทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยกรอบการจัดการงานวิจัยในรูปแบบใหม่ๆ ได้แก่ มรรควิถีการวิจัย ชานชาลางานวิจัย การวิจัยเชิงปฏิบัติการและการวิจัยการดำเนินงานเข้ามาเชื่อมโยงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและเทคนิคทางสังคมเข้ากับกระบวนการขับเคลื่อนนโยบายในแต่ละประเด็นปัญหาสุขภาพ ทั้งในระดับทีมงานวิจัยด้วยกรอบคิดเชิงก้าวหน้า (Advanced Research) และในระดับทีมผู้ปฏิบัติงาน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การจัดการงานวิจัยในปัจจุบันยังไม่อาจเสริมความเข้มแข็ง (Empower) ของวิธีการจัดการนโยบายและยุทธศาสตร์ในระบบสุขภาพที่มุ่งสู่ภาพอนาคตของยุทธศาสตร์ชาติใน 20 ปีข้างหน้าได้และควรปรับกระบวนการจัดการวิจัยให้ตอบสนองต่อการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่อนาคตระยะยาวอย่างเร่งด่วน