• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การประยุกต์ใช้ระบบบริการสุขภาพพหุวัฒนธรรมในระบบบริการสุขภาพภาครัฐทั้งสามระดับต่อการสร้างเสริมสุขภาพและการจัดบริการที่สอดคล้องกับบริบทภูมิสังคมในจังหวัดชายแดนใต้

ซอฟียะห์ นิมะ; Sawpheeyah Nima; พาตีเมาะ นิมา; Patimoh Nima; อิลฟาน ตอแลมา; Ilfarn Tolaema;
วันที่: 2563-03-25
บทคัดย่อ
ภูมิหลังปัญหา: จังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วย จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาสและ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา คือ นาทวี จะนะ เทพาและสะบ้าย้อย ถือเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายของวิถีชีวิตภายใต้กรอบความเชื่อ ศาสนา วัฒนธรรมและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ดั้งเดิมและอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน อีกทั้งมีสถานการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงมานานกว่า 15 ปี ส่งผลกระทบต่อระบบบริการสุขภาพ คุณภาพและการเข้าถึงการบริการทุกระดับ การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เกณฑ์มาตรฐานการบริการสุขภาพพหุวัฒนธรรมสำหรับหน่วยบริการสุขภาพทั้งสามระดับในจังหวัดชายแดนใต้ที่มุ่งตอบสนองความต้องการทางจิตวิญญาณ ศาสนา วัฒนธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละชาติพันธุ์หรือคนกลุ่มย่อย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ ระเบียบวิธีวิจัย: การศึกษาประกอบด้วย 2 ระยะ ในระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 - พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 คือ ระยะที่ 1) ในระยะการพัฒนาร่างเกณฑ์มาตรฐาน ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้ (1) การร่างเกณฑ์มาตรฐานระบบบริการพหุวัฒนธรรม โดยการทบทวนวรรณกรรมจากงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ (2) การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่โดยการใช้แบบสอบถาม (3) การสนทนากลุ่มทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการสุขภาพ (4) การสัมภาษณ์เชิงลึกต่อทีมผู้บริหาร เช่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอและทีมบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (5) การกลั่นกรองเนื้อหาและการตรวจสอบเกณฑ์มาตรฐานโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ใช้เทคนิคเดลฟาย รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น 5,555 คน ระยะที่ 2 เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เกณฑ์มาตรฐานในพื้นที่นำร่องที่มี 3 ขั้นตอน คือ (1) การประชุมทีมผู้กำกับนโยบายเพื่อพิจารณางานวิจัยสู่การปฏิบัติ (2) การนำไปทดลองใช้ (3) การประเมินติดตามและพัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย ผลการศึกษา: ในระยะร่างเกณฑ์มาตรฐานการบริการสุขภาพพหุวัฒนธรรมได้รายละเอียดการร่างเกณฑ์ฯ ทั้งหมด 7 มาตรฐานหลักและ 47 เกณฑ์ย่อย โดย (1) นำไปทดลองใช้ในพื้นที่ศึกษา 4 โรงพยาบาลและทดลองใช้นอกพื้นที่ศึกษาที่มีบริบทใกล้เคียง 1 โรงพยาบาล พบว่า ผู้รับบริการได้ประเมินคุณภาพการบริการในแต่ละด้านอยู่ระหว่างร้อยละ 88.6 - 99.4 รู้จักและต้องการการบริการสุขภาพพหุวัฒนธรรม ร้อยละ 34.3 และ 99.2 ตามลำดับ โดยมีความพึงพอใจร้อยละ 97.1 ในขณะที่ผู้ให้บริการสุขภาพได้ประเมินคุณภาพการบริการในแต่ละด้านอยู่ระหว่างร้อยละ 79.7 - 99.3 รู้จักและต้องการการบริการสุขภาพพหุวัฒนธรรม ร้อยละ 100.0 และ 85.0 ตามลำดับ โดยระบุว่าเกิดรูปแบบด้านการจัดการสุขภาพที่เป็นรูปธรรมในหน่วยบริการร้อยละ 97.9 และสามารถจัดการต่อข้อร้องเรียนได้ร้อยละ 98.6 สรุปและข้อเสนอแนะ การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เกณฑ์มาตรฐานการบริการสุขภาพพหุวัฒนธรรมในจังหวัดชายแดนใต้เริ่มเป็นที่รู้จัก ยอมรับและต้องการทั้งในกลุ่มผู้รับบริการและให้บริการสุขภาพ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสในการสนับสนุนส่งเสริมเป็นนโยบายเพื่อประยุกต์ระบบบริการสุขภาพพหุวัฒนธรรมไปใช้ทั้งในหน่วยบริการสุขภาพและในชุมชน โดยกระทรวงสาธารณสุขและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพที่รับการถ่ายโอนตามแผนกระจายอำนาจให้เพิ่มการเข้าถึงการบริการที่ดีขึ้นต่อไป

บทคัดย่อ
Background: The deep southern border provinces consist of Pattani, Yala, Narathiwat and 4 districts of Songkhla province--Nathawi, Chana Thepha and Sabayoi, which are the diverse areas of life under the framework of beliefs, religions, cultures, and other traditional ethnic groups. Besides, there has been a situation of unrest and violence for more than 15 years, affecting health service systems, quality and accessibility. This research is a descriptive study aimed to explore the feasibility of applying the multicultural health service standards for the three levels of health services in those areas to meet the spiritual needs, religions, cultures and customs of each ethnic group or focus on the culture of the sub-groups, contributing to health equity. Methods: The study consisted of 2 phases between June 2018 - November 2019: phase 1, the draft criteria were developed in 5 steps. First, documentary research was reviewed and synthesized to provide a general understanding of the multicultural health service standards in other countries. Second, the survey was conducted to draw the opinions of people in the area by using questionnaires. Third, the focus group discussion was performed between the recipients and health service providers. Fourth, in-depth interviewing was a loosely structured interview among the service management team such as the hospital director, head of district public health, and the local government organizations. Fifth, the content of the standards was screened and standardized by experts such as provincial public health doctors in Delphi techniques. A total number of 5,555 people were given information in these processes. Phase 2, a feasibility study of using standards was launched in the pilot areas with 3 steps: (1) the standards were approved by policymakers to consider into action, (2) the standards were implemented in pilot hospitals, and (3) an evaluation and monitoring was then proceeded to announce as a policy. Results: The multicultural health service standards were finally drafted and organized into 7 main criteria and 47 sub-criteria. The standards were then implemented in 4 hospitals in study areas and 1 hospital in the other area that has a similar context. The parallel evaluation during the trial period revealed that the customers’ opinions for the service quality were 88.6-99.4%. They knew, needed and satisfied this service that was 34.3%, 99.2%, and 97.1% respectively. While the health care providers know about this service 100% and need it 85.0%. The outcomes also provided 97.9% of the concrete model and 98.6% having good management for customer complaints. Suggestion and conclusion: The feasibility study of the multicultural health service standards utilization in the Southern border provinces has contributed to familiar and acceptance among recipients and health service providers. Therefore, this is an opportunity for the Ministry of public health and local administrative organizations to promoting as a policy to apply in all health services and in communities for better service accessibility in the long run.
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hs2574.pdf
ขนาด: 7.163Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 0
ปีงบประมาณนี้: 21
ปีพุทธศักราชนี้: 10
รวมทั้งหมด: 124
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2471]

    งานวิจัย

ชิ้นงานที่เกี่ยวข้อง

แสดงชิ้นที่เกี่ยวข้องโดย ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ผู้สร้าง และหัวเรื่อง

  • ระบบบริการสุขภาพในภาวะฉุกเฉินในประเทศพัฒนา 

    อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์; Adisak Plitponkarnpim; กิ่งแก้ว อุดมชัยกุล; จิราวรรณ กล่อมเมฆ (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2544)
    ระบบบริการสุขภาพในภาวะฉุกเฉินในประเทศที่พัฒนาแล้ว มักมีจุดเริ่มต้นจากความพยายามที่ต้องการลดการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน จากนั้นการพัฒนาได้ขยายการครอบคลุมไปจนถึงการเจ็บป่วยอื่นๆ ที่อยู่ภาวะฉุกเฉิน ...
  • การจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับเด็กแรกเกิด - 5 ปี และพฤติกรรมการใช้บริการสุขภาพของเด็กภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 

    ประคิณ สุจฉายา; Prakin Suchaxaya; ศรีมนา นิยมค้า; อมรรัตน์ งามสวย (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2548)
    งานวิจัยมีวัตถุประสงค์ศึกษาการจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคสำหรับเด็กแรกเกิด-5 ปี และพฤติกรรมการใช้บริการสุขภาพของเด็กภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ศึกษาโดยการใช้แบบวิจัยเชิงพรรณนา และการสัมภาษณ์เจาะลึก ...
  • คู่มือปฐมพยาบาลสุขภาพจิตและการดูแลสุขภาพจิตประชาชน 

    ฐิติพร สุแก้ว; Thitiporn Sukaew; นพพร ตันติรังสี; Nopporn Tantirangsee; พยงค์ เทพอักษร; Phayong Thepaksorn; ภัทรหทัย ณ ลำพูน; Pathathai Na Lumpoon; นภชา สิงห์วีรธรรม; Noppcha Singweratham; เยาวลักษณ์ มีบุญมาก; Yaowaluck Meebunmak; วันดี แสงเจริญ; Wandee Saengjarern; สันติ ประไพเมือง; Sunti Prapaimuang; กีรติ พลเพชร; Keerati Ponpetch; เพ็ญนภา กวีวงศ์ประเสริฐ; Pennapa Kaweewongprasert; ดาวรุ่ง คำวงศ์; Daoroong Komwong; อลิซาเบธ เคลลี่ ฮอม เทพอักษร; Elizabeth Kelly Hom Thepaksorn; นิสารัตน์ สงประเสริฐ; Nisarat Songprasirt; รวิษฎา บัวอินทร์; Rawisada Buain (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2566-12-25)
    ปัญหาสุขภาพจิตและโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญของประเทศไทย โดยพบว่าประชากร 1 ใน 5 มีปัญหาสุขภาพจิต นอกจากนั้น ปัญหาสุขภาพจิตมิใช่ส่งผลกระทบต่อเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงญาติ ผู้ดูแลและบุคคลในสังคม ปัญหาสุขภาพจ ...

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [619]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [99]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [125]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [159]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1283]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [228]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [20]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV