บทคัดย่อ
ภูมิหลังและเหตุผล: การมีกิจกรรมทางกายในระดับที่เพียงพอตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกจำเป็นต่อการพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวและสมรรถภาพทางกายในเด็กและเยาวชน และมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ หลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมทางกายเป็นจำนวนมากแต่ยังไม่ได้มีการวิเคราะห์ส่วนขาดของการวิจัยและทิศทางที่ชัดเจน วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาประเด็นการวิจัยที่ผ่านมาและนำเสนอช่องว่างที่ยังเป็นส่วนขาดทางการวิจัยด้านกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชนไทย อายุระหว่าง 0-22 ปี ระเบียบวิธีศึกษา: เป็นการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ โดยสืบค้นงานวิจัยจากบทความวิจัยและวิทยานิพนธ์จากฐานข้อมูลงานวิจัยในประเทศไทยและนานาชาติ เกณฑ์ในการคัดเลือกงานวิจัย คือ งานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับกิจกรรมทางกายในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเด็กและเยาวชนที่มีสุขภาพดีในประเทศไทย อายุระหว่าง 0-22 ปี ในช่วงปี พ.ศ. 2552-2562 ที่ผ่านการประเมินความน่าเชื่อถือของงานวิจัย โดยแบบประเมินคุณภาพงานวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความถี่ ร้อยละ และจำแนกงานวิจัยออกเป็นกลุ่มตามประเด็นการวิจัยที่ผู้วิจัยได้ตั้งไว้ด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษา: มีงานวิจัยผ่านเกณฑ์คัดเข้าจำนวน 79 งานวิจัย พบว่า มีการวิจัยในกลุ่มตัวอย่างอายุ 0-5 ปี เป็นจำนวนน้อยมาก (ร้อยละ 1.3) ประเด็นที่ยังมีการศึกษาอยู่จำนวนไม่มาก ได้แก่ อิทธิพลของกิจกรรมทางกายต่อความสามารถทางการรู้คิด สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ สังคมและวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย การวิจัยที่ยังไม่มีการวิจัยในประเทศไทยและควรได้รับการสนับสนุนและศึกษาวิจัยในอนาคต ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมทางกายและตัวแปรด้านสุขภาพจิต เศรษฐฐานะ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เป็นต้น ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย: นักวิจัยควรพิจารณาศึกษาส่วนขาดด้านงานวิจัยตามที่ได้แนะนำข้างต้น เพื่อให้ประเทศไทยมีข้อมูลรอบด้านในการวางนโยบายและแผนส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยมีกิจกรรมทางกายในระดับที่เพียงพอต่อการมีสุขภาพที่ดีและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต
บทคัดย่อ
Background and rationale: Having sufficient physical activity (PA), as recommended by the World
Health Organization, is necessary for developing motor skills and physical fitness of children and youth
and reducing risks of non-communicable diseases when entering adulthood. Over the past years, there
has been a large amount of research and development of PA knowledge in Thailand, but the research
gaps and clear directions for future research have not been analyzed and identified. Objective: To
investigate research topics conducted in the past and identify research gaps in PA among Thai children
and youth aged 0-22 years and provide future research suggestions. Methodology: This study applied a
systematic review by searching research articles from Thai and international databases. The review
included studies on PA in Thai healthy children and youth aged 0-22 years written in Thai or English and
published during 2009-2019. The quality of the studies was assessed using a standard checklist. Descriptive
statistics and content analysis were used for data analysis. Result: A total of 79 studies were qualified
and included in the review. The least age groups represented in the review were children aged 0-5
years (1.3%). There was a low number of studies in the areas concerning the association between PA and
cognitive functioning, physical environment, and sociological-cultural factors. Areas that had not been
investigated were the associations between PA and mental health, socio-economic status, and technology
for promoting PA. Recommendation: Researchers should consider conducting studies that have
been identified as gaps of the research in this field to provide comprehensive information for the development
of policies and programs to encourage Thai children and youth to have sufficient PA and adopt
PA as part of their lifestyle.