• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

ปัจจัยและกลไกในการสื่อสารความเสี่ยงด้านสุขภาพของแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยต่อมาตรการในการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคและมาตรการด้านสาธารณสุขและสังคม กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

หทัยรัตน์ โกษียาภรณ์; Hathairat Kosiyaporn; ระพีพงศ์ สุพรรณไชยมาตย์; Rapeepong Suphanchaimat; สตพร จุลชู; Sataporn Julchoo; มธุดารา ไพยารมณ์; Mathudara Phaiyarom; พิกุลแก้ว ศรีนาม; Pigunkaew Sinam;
วันที่: 2564-09-14
บทคัดย่อ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย แรงงานข้ามชาติเป็นประชากรกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมากกว่าประชากรกลุ่มอื่น เนื่องจากมีปัญหาของการเข้าถึงระบบสุขภาพและข้อมูลสุขภาพอยู่เดิม ด้วยเหตุนี้ ความเปราะบางของแรงงานข้ามชาติจึงชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข การสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพ เป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมและป้องกันโรคระบาด นอกจากการสื่อสารเรื่องการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ยังต้องครอบคลุมถึงการสื่อสารนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถตัดสินใจในการปกป้องตนเองและครอบครัวได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีช่องว่างของการศึกษาเรื่องปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพ ทั้งปัจจัยระดับสังคม คือ โครงสร้างการสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพ ปัจจัยระดับชุมชน คือ กิจกรรมการสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพภายในชุมชนและปัจจัยระดับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย การศึกษาครั้งนี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อทำความเข้าใจปัจจัยดังกล่าวและนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ เพื่อตอบสนองต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต วิธีการศึกษา การศึกษานี้เป็นแบบผสมวิธีคู่ขนาน (parallel mixed method design) ประกอบด้วยการศึกษาทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ สถานที่ศึกษาวิจัยในการศึกษานี้ คือ 6 ชุมชนแรงงานข้ามชาติในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ระนอง และภูเก็ต โดยเก็บข้อมูลในช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ถึงมิถุนายน พ.ศ. 2564 ในการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ สัมภาษณ์ เชิงลึกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสื่อสารความเสี่ยงภาพรวมในระดับประเทศและพื้นที่ จำนวน 36 คน โดยสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (purposive sampling) และแบบลูกโซ่ (snowball sampling) วิเคราะห์ผลแบบแก่นสาระนิรนัย (deductive thematic analysis) ส่วนการวิจัยเชิงปริมาณ สำรวจแบบสอบถามเรื่องการได้รับข้อมูลที่เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 56 คน โดยสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายการสื่อสารในระดับพื้นที่ใน 3 ชุมชน จังหวัดระนองและสมุทรสาคร วิเคราะห์ผลแบบแผนภูมิเครือข่ายสังคมและคำนวณค่าความเป็นศูนย์กลางของข้อมูลในชุมชน (betweenness-and closeness-centrality) และค่าระยะห่างระหว่างแหล่งข้อมูล (mean distance) และสำรวจแบบภาคตัดขวางเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคล การรับรู้ข้อมูลความเสี่ยงสุขภาพ ความรู้ ทัศนคติและการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ในแรงงานข้ามชาติที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป โดยสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่มสองขั้น (cluster sampling) วิเคราะห์ผลเชิงพรรณนา (descriptive analysis) และเชิงอนุมาน (inferential analysis)

บทคัดย่อ
Coronavirus disease 2019 (COVID-19) is a new emerging infectious disease that needs effective risk communication, one of the key components of public health emergency responses. During the pandemic, migrant workers face many significant challenges especially language and cultural barriers hampering access to health risk information. This study aims to explore health risk communication structure and processes, identify the communication network, and explore factors related to the outcomes of health risk communication practices among migrant workers during the COVID-19 pandemic in Thailand. We conducted a mixed-method cross-sectional design on in migrant workers who lived in the headquarter district of Samut Sakhon, Ranong, and Phuket provinces between November 2020 and June 2021. For qualitative approach, representatives from central and local public health organisations, non-governmental organisations, local government units, and migrant community members were purposively recruited with some additional interviewees recruited by snowball sampling. Thirty-six key informants participated in the semi-structured interview. Deductive thematic analysis was applied. For quantitative approach, first, we used social network analysis. Fifty-six respondents from migrant communication were purposively recruited and were asked to complete the questionnaire. Results from the questionnaires were used to outline sociogram to assess how the information flew and actors that influenced the data flow most. We also surveyed a total of 288 migrant workers to evaluate risk communication outcomes and related factors that affected awareness toward public health measures and self-reported practices during COVID- 19. Logistic regression with robust standard errors were employed. The findings showed that there were various activities around health risk communication. Though health risk communication plan viewed migrant workers as a target group, there was no formal governing body responsible for guiding communication plan. Moreover, there was no monitoring tool or evaluation process for health risk communication. For social network analysis, migrant health volunteers and local media were key sources of information. The centrality score was higher in rural migrant communities compared with the urban ones-implying huge dependency of communication within limited number of actors in rural areas. For quantitative survey on attitude and self-reported preventive practices, most of respondents were aware of public health measures (85%) and performed preventive practices (70%) during COVID-19 pandemic. Frequent reception of health information and having up to primary school education showed a statistically significant association with preventive practices compared with those who hardly received health information and the uneducated. Middle-aged migrant workers demonstrated a significantly lower level of preventive practices than the younger migrant workers. A long stay in Thailand was significantly related to lower degree of awareness toward public health measures. In conclusion, clear governing body led by the government with intersectional collaboration, and active engagement from community members such as migrant health volunteers are key to effective communication with migrants. Dissemination of information for migrants should be done through various channels especially local media in migrants’ languages, for instance, print and online media with consideration of different migrant characteristics and capabilities especially. The communication strategies should not overlook certain groups of migrants who were likely to face difficulty in accessing health information (such as elder migrant workers and the uneducated ones).
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hs2727.pdf
ขนาด: 3.004Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 2
ปีงบประมาณนี้: 12
ปีพุทธศักราชนี้: 7
รวมทั้งหมด: 165
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2469]

    งานวิจัย

ชิ้นงานที่เกี่ยวข้อง

แสดงชิ้นที่เกี่ยวข้องโดย ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ผู้สร้าง และหัวเรื่อง

  • การสังเคราะห์องค์ความรู้เพื่อจัดทำข้อเสนอ การปฎิรูประบบบริการสุขภาพ และการสร้างหลักประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุไทย 

    วรรณภา ศรีธัญรัตน์; Wannapa Srithanyarat; ผ่องพรรณ อรุณแสง; อัมพร เจริญชัย; สุจิตรา ลิ้มอำนวยลาภ; กัลยา พัฒนศรี (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2545)
    เอกสารนี้นำเสนอผลการสังเคราะห์องค์ความรู้ เพื่อจัดทำข้อเสนอการปฏิรูประบบบริการสุขภาพและการสร้างหลักประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุไทย ในกระบวนการสังเคราะห์ได้มีการศึกษาวิเคราะห์การดำเนินงานด้านระบบบริการสุขภาพและหลักประกันส ...
  • การประเมินผลกระทบทางสุขภาพจากโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ต่อกลุ่มทอผ้าพื้นบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 

    เกษราวัลณ์ นิลวรางกูร; Ketsarawan Nlilwarangkul; จรัญญา วงษ์พรหม; ชลิดา ธนัฐธีรกุล; สุมน ปิ่นเจริญ; Charunnya Wongphom; Chalida Tanutteerakul; Sumon Pincharoen (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2547)
    นโยบายหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นนโยบายที่ถูกกำหนดเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของประชาชนในท้องถิ่น การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาขอบเขตของนโยบายและการกระตุ้นการพัฒนาของนโยบายต่อกลุ่มทอผ้าพื้นบ้าน ...
  • เคล็ดไม่ลับ R2R : บริบทโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป/ชุมชน 

    วิจารณ์ พานิช; พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข; จรวยพร ศรีศศลักษณ์; สรชัย จำเนียรดำรงการ; สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข; สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข; สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (แผนงานพัฒนาเครือข่ายวิจัยในรูปแบบงานวิจัยจากงานประจำสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2552-07)
    ภายในเวลา 5 ปี ที่ R2R งอกงามขึ้นที่ศิริราช บัดนี้ R2R ได้แพร่ขยายออกไปทั่วประเทศไทย ในหน่วยงานด้านสุขภาพ ภายใต้การจัดการของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่หลากหลาย กระบวนการขับเคลื่อนไปสู่วงการสา ...

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [619]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [99]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [125]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [158]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1281]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [228]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [20]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV