บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสมรรถนะที่จำเป็นของพยาบาลวิชาชีพด้านการพยาบาลผู้ป่วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ COVID-19 และพัฒนารูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพด้านการพยาบาลผู้ป่วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ COVID-19 ของหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิและตติยภูมิ โดยการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง การดำเนินการวิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยปฏิบัติการเชิงวิพากษ์ (Emancipatory Action Research) ผู้เข้าร่วมวิจัยประกอบด้วย พยาบาลวิชาชีพ หน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ จำนวน 10 คน พยาบาลวิชาชีพหน่วยบริการสุขภาพทุติยภูมิ จำนวน 31 คน พยาบาลวิชาชีพหน่วยบริการสุขภาพตติยภูมิ จำนวน 12 คน รวมพยาบาลวิชาชีพทั้งสิ้น จำนวน 53 คน และแพทย์ จำนวน 6 คน เครื่องมือวิจัย ประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลเชิงปริมาณ ประกอบด้วย แบบประเมินสมรรถนะการพยาบาลด้านผู้ป่วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ COVID-19 แบบประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการพยาบาลด้านผู้ป่วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ COVID-19 และแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการพัฒนาสมรรถนะการพยาบาลด้านผู้ป่วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ COVID-19 2) เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ ประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์เชิงพฤติกรรม 2) แบบสัมภาษณ์เชิงลึก และ 3) แบบสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1) พยาบาลวิชาชีพของหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิและตติยภูมิ มีค่าคะแนนเฉลี่ยผลการประเมินสมรรถนะที่จำเป็นของพยาบาลวิชาชีพในการดูแลผู้ป่วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ COVID-19 โดยรวมเพิ่มขึ้นในแต่ละวงรอบของการวิจัย และได้คะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทั้งสมรรถนะเฉพาะวิชาชีพ และสมรรถนะเชิงเทคนิค 2) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพด้านการพยาบาลผู้ป่วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ COVID-19 ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ แนวทางการปฏิบัติ วิธีการพัฒนาสมรรถนะ และปัจจัยที่ส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะ โดยแนวทางการปฏิบัติ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ 1) การกำหนดสมรรถนะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน 2) การพัฒนาระบบการติดตาม สนับสนุนและเสริมพลัง 3) การกำหนดแนวทางพัฒนาสมรรถนะตนเอง 4) การดำเนินการตามแผนพัฒนาสมรรถนะ และ 5) การสรุปและรายงานผลการพัฒนา วิธีการพัฒนาสมรรถนะ ประกอบด้วยกิจกรรม 6 กิจกรรม ได้แก่ 1) การอบรมสัมมนา 2) การเรียนรู้จากการปฏิบัติ 3) การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ 4) การสอนงานด้วยระบบพี่เลี้ยง 5) การศึกษาด้วยตนเอง และ 6) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และปัจจัยที่ส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะ ประกอบด้วย บทบาทผู้นำทางการพยาบาล นโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจน และทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ
บทคัดย่อ
This research aimed to develop essential competencies of registered nurses in terms of nursing for emerging infectious disease COVID-19 and develop a competency development model of emerging infectious disease COVID-19 nursing of primary, secondary, and tertiary health service units in collaboration with stakeholders. Research implementation was conducted using Emancipatory Action Research. Research participants were 6 physicians and 53 registered nurses, of which 10 were from primary, 31 from secondary, and 12 from a tertiary health service unit. Research instruments consisted of 1) instruments for quantitative data collection including the questionnaire of essential competencies of registered nurses in terms of nursing for emerging infectious disease COVID-19, the questionnaire of the competency development model of registered nurses in terms of nursing for emerging infectious disease COVID-19, and questionnaire of satisfaction of competency development model of emerging infectious disease COVID-19 nursing, 2) instruments for qualitative data collection including 1) behavioral-based interview form, 2) in-depth interview form, and 3 focus group discussion form. Quantitative data were analyzed using descriptive statistics and content analysis was used for qualitative data. Research results revealed that 1) registered nurses of primary, secondary, and tertiary health service units had an overall higher mean score of essential competencies of registered nurses in terms of nursing for emerging infectious disease COVID-19 in each loop of research. A higher mean score was found on both professional and technical competencies. 2. Competency development model of registered nurses in terms of nursing for emerging infectious disease COVID-19 consisted of 3 components including practice guidelines, competency development method, and factors promoting competency development. Practice guidelines consisted of 5 main steps including 1) specification of essential performance competencies, 2) development of monitoring system, support, and empowerment, 3) specification of self-competence development guideline, 4) implementation of the competency development plan and, 5) summarization and report of development result. The Competency development method consisted of 6 activities including 1) workshop, 2) on-the-job training, 3) learning from experts, 4) coaching, 5) self-study, and 6 knowledge sharing. Factors promoting competency development included the role of nursing leaders, policy and explicit practice guidelines, and a good attitude towards the profession