บทคัดย่อ
โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของประชากรไทย โดยมะเร็งเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมของเซลล์ การกลายพันธุ์ของยีนก่อมะเร็งที่พบสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด อันได้แก่ การกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นเองในเนื้อเยื่อปกติ (somatic mutation) ซึ่งจะตรวจพบได้ในเนื้อเยื่อที่ผิดปกติเท่านั้น และการกลายพันธุ์ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม (germline mutation) สามารถพบได้ในทุกเนื้อเยื่อของร่างกาย ซึ่งมีความสัมพันธ์กับมะเร็งที่ถ่ายทอดในครอบครัวและพันธุกรรม โรคมะเร็งทางพันธุกรรมเกิดจากการถ่ายทอดยีนกลายพันธุ์จากรุ่นพ่อแม่ไปยังรุ่นลูก ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีลักษณะไม่แตกต่างจากผู้ป่วยมะเร็งทั่วไป ทำให้ยากต่อการค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยงสูงคัดกรองและป้องกันโรคแต่เนิ่น ๆ นอกจากนี้การศึกษาจีโนมของผู้ป่วยมะเร็งหลายชนิด พบว่า การกลายพันธุ์ของยีนที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมพบได้สูงถึงร้อยละ 12 โครงการวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นการถอดรหัสพันธุกรรมของผู้ป่วยมะเร็งชาวไทยและสมาชิกครอบครัวที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นที่มะเร็งที่พบได้บ่อย มีอุบัติการณ์ของมะเร็งชนิดที่ถ่ายทอดในครอบครัวสูง และมะเร็งที่ผู้ป่วยมีประวัติการเป็นมะเร็งในครอบครัว เพื่อทำการสร้างและรวบรวมข้อมูลรหัสพันธุกรรมของผู้ป่วยมะเร็งชาวไทย รวมถึงการพัฒนากระบวนการนำเทคโนโลยีจีโนมิกส์เข้าสู่ระบบสุขภาพ ฝึกอบรมแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความเข้าใจและสามารถนำการแพทย์จีโนมิกส์ไปใช้ได้จริงทางคลินิก โดยใช้การบูรณาการการตรวจวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยีจีโนมิกส์ เข้ากับการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง โครงการวิจัยทำการศึกษาการกลายพันธุ์ของยีนก่อมะเร็งจากเลือด ด้วยรูปแบบชุดตรวจหลายยีน (multi-gene panel test) โดยใช้เทคโนโลยี Next-Generation Sequencing (NGS) เพื่อรวบรวมและค้นหาผู้ป่วยมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยจัดเก็บข้อมูลทางคลินิกและข้อมูลผลการตรวจทางพันธุกรรมในระบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ จากการศึกษาโดยใช้แบบแผนกระบวนการวินิจฉัยแบบจีโนมิกส์ พบการกลายพันธุ์ของยีนก่อมะเร็ง ชนิด pathogenic และ likely pathogenic variants สูงถึงร้อยละ 16 จากจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่ได้รับการตรวจ ทั้งสิ้น 2,535 ราย ซึ่งจากผลดังกล่าวสามารถช่วยในการค้นหาสมาชิกในครอบครัวที่มีโอกาสเกิดมะเร็งได้แต่เนิ่นๆ และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในสมาชิกครอบครัวของผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้จากการศึกษาต้นทุนอรรถประโยชน์ พบว่า การตรวจยีนก่อมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมมีความคุ้มค่า การค้นหาสมาชิกครอบครัวที่เสี่ยงสูง เพื่อคัดกรองและป้องกันโรคตั้งแต่ยังไม่มีอาการโดยใช้การแพทย์จีโนมิกส์ ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดต้นทุนค่ารักษาโดยรวมได้ คุ้มกว่าการรักษาผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการตรวจยีนพันธุกรรม จากผลการศึกษาดังกล่าว การตรวจยีน BRCA1 และ BRCA2 จึงมีความเหมาะสม และได้รับการสนับสนุนบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของประเทศอีกด้วย
บทคัดย่อ
Cancer is the first-leading cause of death in Thailand. Cancer is caused by gene mutations that control the cell functions in cell growth and division. The genetic mutation causing cancer can be divided into two broad categories based on the tissues of origins: somatic mutation and germline mutation. The germline mutation passes directly from parent to offspring which can be detected in every cell within the body. Cancers associated with germline mutations are called hereditary cancers. Most hereditary cancer patients have similar clinical symptoms and signs to sporadic cancer, it is difficult to distinguish the hereditary cancers for the benefit of preventing, treating and screening cancer in at-risk family members. In addition, hereditary cancers account for up to 12 percent of all cancer diagnoses. Thus, genomic medicine has the potential to make the diagnosis more accurate. This project aims to utilize genome sequencing technology to identify germline mutations and diagnose hereditary cancer syndromes among Thai cancer patients, this would also create an opportunity to build large genome database for future study of the cancer susceptibility genes and polygenic risk of cancer for Thai population. Moreover, this project has created collaborative network among medical schools, large university-affiliated hospitals and cancer centers to support and share experience, exchange knowledge, and facilitate the integration of genomic medicine in cancer care. Study by next-generation sequencing (NGS) found that approximately 16% of cancer patients participated in this study harbored germline pathogenic or likely pathogenic variants in various cancer susceptibility genes. This information was useful for further expanding to identify at-risk family members with appropriate cancer screening, early detection and prevention in the future. Genetic diagnosis, genome-guided screening and prevention of cancer were also cost-effective and would be a model of the implementation of genomic medicine in national healthcare system.