บทคัดย่อ
การระบาดของ Coronavirus 2019 หรือ COVID-19 ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งต้องหยุดการทำงาน ส่งผลเสียต่อภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศไทย หลังจากที่สถานการณ์ได้คลี่คลายลง เริ่มมีการแนะนำมาตรการที่จะนำมาใช้ในการเปิดการทำงานในโรงงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยอีกครั้ง การศึกษานี้เป็นการศึกษาประสิทธิภาพของการตรวจหาการติดเชื้อก่อโรค COVID-19 ด้วยการตรวจหาแอนติเจนในตัวอย่างน้ำลาย โดยเป็นการเปรียบเทียบผลที่ได้จากเครื่องอัตโนมัติกับผลการตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง ตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นตัวอย่างน้ำลายที่ได้จากพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่การทำงานอยู่ที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและนนทบุรี ระหว่างเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 จนถึงเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2565 มีผู้เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมดจำนวน 4,364 คน มีผู้ที่ได้รับการตรวจยืนยันว่าพบเชื้อ SARS-CoV-2 จำนวน 85 คน การทดลองแบ่งเป็นการทดสอบเป็นการตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองด้วยเครื่องอัตโนมัติ Lumipulse G1200 SARS-CoV-2 Ag และการตรวจหาแอนติเจนด้วยชุดทดสอบแอนติเจนแบบปกติ ผลการทดสอบ พบว่า การตรวจหาแอนติเจนด้วยเครื่องอัตโนมัติ Lumipulse G1200 SARS-CoV-2 Ag มีประสิทธิภาพในการค้นหาผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 ด้วยค่าความไวและความจำเพาะของตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 เท่ากับ 87.0% (95% CI 78.0%–93.4%) และ 99.0% (95% CI 96.6%–99.9%) ตามลำดับ ซึ่งจะเห็นได้จากเมื่อมีการตรวจด้วยวิธี Lumipulse G1200 SARS-CoV-2 Ag แล้วได้ผลบวก คือ พบเชื้อ SARS-CoV-2 แล้ว เมื่อนำตัวอย่างนั้นไปทำการทดสอบยืนยันด้วยวิธี RT-PCR แล้ว จะพบมีการปรากฏของค่า CT ซึ่งแปลผลได้ว่า พบเชื้อ (Detected) กล่าวโดยสรุป คือ Lumipulse G1200 SARS-CoV-2 Ag เป็นเครื่องมือที่มีความสามารถในการตรวจคัดกรองเชื้อก่อโรค SARS-CoV-2 เป็นวิธีการที่สามารถทำการทดสอบได้เร็ว และให้ผลการทดสอบที่แม่นยำ เทียบได้กับวิธีการตรวจมาตรฐาน คือ SARS-CoV-2 RT-PCR เครื่องมือนี้จึงมีความเหมาะสมที่จะมีการใช้งานในสถานการณ์การระบาดของโรคที่จำเป็นต้องมีการตรวจตัวอย่างปริมาณจำนวนมาก เช่น ตัวอย่างตรวจจากโรงงานหรือสถานศึกษา
บทคัดย่อ
The 2019 coronavirus outbreak has forced many industrial plants to shut down, then negatively affecting to the industrial sector and the economy of Thailand. Serial testing of severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2) has been proposed as a measure for safe factory reopening. This study examines the efficacy of detecting the pathogenic SARS-CoV-2 infection by detecting antigens in saliva samples. It compares the results obtained from the automated machine with the results of the manual antigen detection. The samples used in the study were saliva samples obtained from industrial workers in Bangkok and Nonthaburi provinces between March 2022 and May 2022. A total of 4,364 participants attended the study, of which 85 were confirmed to be infected with SARS-CoV-2. An automated antigen detection using Lumipulse G1200 SARS-CoV-2 Ag detection and manual antigen test kit were compared with RT-PCR. The test results showed that The Lumipulse G1200 SARS-CoV-2 Ag is effective in detecting SARS-CoV-2 infection and results were comparable to confirmation method by RT-PCR with the sensitivity and specificity of SARS-CoV-2 as 87.0% (95% CI 78.0%–93.4%) and 99.0% (95% CI 96.6%–99.9%) respectively. In conclusion, the Lumipulse G1200 SARS-CoV-2 Ag is a capable tool for screening pathogens for SARS-CoV-2 and provide accurate test results when ccompare to the standard test method. The instrument is therefore suitable for use in epidemic situations where large volumes of samples are required to be tested, such as factory or school samples.