บทคัดย่อ
ภูมิหลัง : การแพทย์ทางไกลหรือโทรเวช (Telemedicine) ถือเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณสุขบนโลกดิจิทัล (Digital Health) โดยเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วยส่งเสริมให้การให้บริการทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวกและรวดเร็วทั้งต่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการในประเทศไทย สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาระบบบริการการแพทย์ทางไกลอย่างก้าวกระโดด โดยโรงพยาบาลรัฐและเอกชนหลายแห่งได้นำระบบดังกล่าวมาใช้และผสานเข้ากับการให้บริการทางการแพทย์โดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการให้บริการการแพทย์ทางไกลในประเทศไทย แต่ยังคงขาดนโยบายระดับชาติ (National Telemedicine Policy) รวมถึงแนวทางการดำเนินงานหรือแนวเวชปฏิบัติที่ชัดเจนและครอบคลุม วัตถุประสงค์ : โครงการวิจัยนี้ ประกอบด้วยการศึกษา 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 การศึกษารายกรณีการพัฒนาและการให้บริการการแพทย์ทางไกลในประเทศไทย ส่วนที่ 2 การถอดบทเรียนบริการการแพทย์ทางไกลในต่างประเทศ และ ส่วนที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมูลด้านการใช้งานของระบบการแพทย์ทางไกลและแนวโน้มการใช้งานการแพทย์ทางไกลในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและโรงพยาบาล ระเบียบวิธีวิจัย : การศึกษาส่วนที่ 1 และ 2 ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ผลตามกรอบการศึกษา ประกอบด้วย การทบทวนเอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึกและการอภิปรายกลุ่ม ส่วนที่ 3 เป็นการศึกษาเชิงปริมาณ ที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิจากคลังข้อมูลสุขภาพ 43 แฟ้มในระบบบันทึกข้อมูลและประมวลผลข้อมูลการบริการทางการแพทย์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และข้อมูลจากสถานพยาบาลกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมการศึกษา ผลการศึกษาและอภิปรายผล : การแพทย์ทางไกลถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการให้บริการในสถานพยาบาล ได้แก่ ความแออัดของผู้รับบริการ การรอคอยเพื่อเข้ารับบริการที่ยาวนานและการไม่สามารถเข้าถึงบริการของผู้ป่วยในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หรือผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกล สถานพยาบาลกลุ่มตัวอย่างมีรูปแบบการให้บริการการแพทย์ทางไกลที่หลากหลาย จากการศึกษาข้อมูลการใช้บริการการแพทย์ทางไกล พบว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน (ช่วงอายุ 25-59 ปี) และเป็นเพศหญิง โดยจำนวนการเข้ารับบริการการแพทย์ทางไกลในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 สูงกว่าช่วงที่ไม่มีการระบาดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากการศึกษาทั้ง 3 ส่วน คณะผู้วิจัยพบว่าการพัฒนาและให้บริการการแพทย์ทางไกลอย่างยั่งยืนมีองค์ประกอบสำคัญที่ต้องคำนึง 6 ด้าน ได้แก่ 1) ระบบอภิบาลและการทำงานร่วมกัน 2) กฎ ระเบียบ และมาตรฐานการดำเนินงาน 3) ความพร้อมของบุคลากร 4) งบประมาณ และระบบการเบิกชดเชยค่าบริการ 5) โครงสร้างพื้นฐาน และ 6) บริการและแอปพลิเคชัน นอกจากองค์ประกอบในข้างต้นแล้ว การให้บริการการแพทย์ทางไกลอย่างยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีปัจจัย 4 ด้าน ได้แก่ ความรอบรู้ด้านดิจิทัลของประชาชน (ทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ) ความต้องการในการให้บริการและรับบริการ ความปลอดภัยและความครอบคลุมของบริการที่ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียม
บทคัดย่อ
Background: Telemedicine is considered a part of digital health and represent s a technological advancement in information technology that can promote effective, efficient, and timely medical services for both providers and recipients in Thailand. The COVID 19 pandemic had been a significant factor leading to transformative changes and advancements in telemedicine services. Many public and private hospitals integrated telemedicine into their standard services. A lthough telemedicine services have been around in Thailand, there remained a lack of national telemedicine policies and compr ehensive guidelines for clinical practices and monitoring and evaluation to support the current and future planning Objectives: This research project consisted of three studies : P art 1 focused on studying the development and provision of telemedicine in Thailand, specifically examining the development and utilization of telemedicine in various levels of Thai healthcare facilities (tertiary, secondary, primary, and specialized hospitals) including the factors affecting the development and provision of telemedicine Part 2 aimed to extract lessons from telemedicine services in other countries to serve as guidelines for the development and implementation of telemedicine for Thailand; and Pa rt 3 analyzed data on the telemedicine utilization and trends in telemedicine usage at different levels of hospital and overall at the national level under Universal Coverage Scheme (UCS) which aimed to investigate the situation s under the utilization of telemedicine services and to understand the impact of using telemedicine services for both preceding and subsequent to the declaration of the National Health Security Office policy. Methods: Part 1 and part 2 adopted a qualitative approach to collect and analyze data using frameworks, including document reviews, in depth interviews, and group discussions. Part 3 used a quantitative approach to analyses secondary data from the health database s at the National Health Security Office and associated hospitals. Stakeholder consultation meetings were conducted to obtain feedback from all relevant stakeholders since the project inception to knowledge dissemination. Results and Discussion: The development of telemedicine aimed to address service related issues in healthcare facilities, such as patient congestion, lengthy waiting times for services, and difficulties accessing services during the COVID 19 pandemic or for patients living in rural areas. Various healthcare facilities presented diverse telemedicine service models. Analyses of telemedicine service usage data revealed that the majority of users were within the working age group (25-59 years old), and predominantly female. During th e COVID 19 pandemic period, there was a higher frequency of telemedicine service utilization, revealing statistically significantly than non pandemic periods. Experience sharing from India and Singapore highlighted similar areas for this work to focus on. According to the findings of all three parts, it could be concluded that sustainable development and provision of telemedicine required deliberation in six building block s: 1) care coordination and collaboration 2) regulations and operational standards 3) workforce readiness 4) budgeting and reimbursement systems 5) infrastructure and 6) services and ap plications. Moreover, sustainable telemedicine provision relied on four critical factors including digital literacy among the public (both service providers and recipients), demand for service provision and reception, safety, and the inclusivity of services accessible to all segments of the population. This research project provides an initial review and overview of the current system, and this information can be used to support the future monitoring and evaluation plan of telemedicine, an area which has now been included as future of healthcare.