บทคัดย่อ
ที่มา มาตรการของภาครัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดราคายาได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ที่มีการพัฒนานโยบายแห่งชาติด้านยาฉบับแรกของประเทศไทย จึงควรมีการวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบต่อราคายาที่เกิดจากมาตรการต่างๆ เพื่อนำเสนอนโยบายราคายา การกำกับดูแลระบบราคายาที่เหมาะสม ระเบียบวิธีวิจัย การวิจัยแบบผสม โดยการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้ฐานข้อมูลการซื้อยาจากกรมบัญชีกลาง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561- 2565 (1 ตุลาคม พ.ศ. 2560-30 กันยายน พ.ศ. 2565) รวม 5 ปี กลุ่มตัวอย่างยาจัดแบ่งตามกลุ่มการรักษายาที่มีผู้ผลิต/ผู้นำเข้าเพียงรายเดียว และหลายราย ยาชีววัตถุ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม excel การวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลโดยนำผลการวิจัยเชิงปริมาณเข้าสู่ที่ประชุมกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียกับราคายา วิเคราะห์เนื้อหาจากการประชุมกลุ่มจัดทำเป็นร่างนโยบายแห่งชาติด้านยาที่จะใช้เป็นแนวทางการกำกับดูแลราคายา ผลการศึกษาได้นำเสนอร่างนโยบายแห่งชาติด้านยา โดยใช้ผลจากการวิเคราะห์ ดังนี้ 1) จากการวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า ราคากลางเป็นมาตรการควบคุมราคายาที่มีผลต่อราคาจัดซื้อมากกว่ามาตรการอื่นๆ วิธีการจัดซื้อมีผลต่อราคาซื้อยาต้นแบบไม่แตกต่างกันมาก แต่มีผลต่อยาสามัญโดยพบว่าราคายาลดลง ยาต้นแบบที่มีผู้จำหน่ายรายเดียวพบราคาซื้อแตกต่างกันระหว่างโรงพยาบาล การมียาคู่แข่งขันเพิ่มทำให้ราคาลดลง ระยะทางไม่มีผลต่อราคาจัดซื้อ 2) การวิจัยเชิงคุณภาพ ได้ข้อมูลมาตรการใหม่ที่ควรทำ เช่น การกำหนดให้ยามีราคาเดียวจะช่วยให้สามารถจัดซื้อยากลุ่มนี้ได้ในราคาที่ไม่แตกต่างกัน ยาราคาแพงและอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติควรใช้วิธีการต่อรองราคาและการจัดซื้อรวม ควรมีการกำหนดราคาในระดับก่อนออกจำหน่ายโดยเฉพาะยาราคาแพงและยาต้นแบบ ปรับกระบวนการต่อรองราคาและกระบวนการจัดซื้อที่เหมาะสมกับยาแต่ละประเภท สรุป รัฐควรจัดให้มีนโยบายแห่งชาติด้านราคายาที่เหมาะสมกับประเทศไทย พัฒนาระบบการควบคุมกำกับราคายา ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ครอบคลุมการจัดทำหลักเกณฑ์กำหนดราคากลาง และกำหนดราคายาให้เหมาะสมกับความสามารถในการจ่าย เพื่อประโยชน์ในการวางแผนด้านงบประมาณของประเทศ ความเป็นธรรมของการเข้าถึงยา และการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศ กุญแจของความสำเร็จของแผนการพัฒนานโยบายแห่งชาติด้านราคายา ควรประกอบด้วย Flow SEB ดังนี้ คือ F: Flow of work S: Single policy E: Exclusive authorized organization B: Bundle measures
บทคัดย่อ
Background: Government measures related to drug pricing have been done continuously since 1981, when
Thailand's the first National Drug Policy was developed. Therefore, there should be a study to monitor the
impacts of these measures to offer a proper drug pricing policy for Thailand.
Methods: The study employed a mixed-method approach. The quantitative analysis used records from the
Comptroller General’s Department from fiscal years 2018 to 2022 (1 October 2017–30 September 2022), a
total of 5 years. Drug samples were sampling according to the treatment group, monopoly, oligopoly, and
biological drugs. Data was analyzed by Excel program. The qualitative research gathered information from
focus group meetings of parties involved in drug prices. The result of quantitative part was the input of
meetings. Analyze the content to develop a draft national drug policy.
Results: The draft National Drug Pricing Policy was proposed from the quantitative and qualitative research.
1) The quantitative research. It was found that the reference pricing measure having high impact on prices.
The procurement method impacted more on prices of generic drugs than innovative drugs. Procured prices
of innovators varied among public hospitals. Market competition lowered the drug prices and distances from
Bangkok did not affect on prices. 2) The qualitative research. It was found that new measures were suggested
as; single price policy to solve price the variation problem, the national negotiation and procurement for high
price drugs under UC, price setting prior launching to the market for high price and innovator drugs, and
adjust the process of price negotiation and procurement.
Conclusion: The appropriate National Drug Pricing Policy for Thailand, with all stakeholder collaboration,
should be developed to control drug pricing along the supply chain. Thus, to obtain the benefits in planning
for national budget, equity of drug accessibility, and sustainability of local pharmaceutical industry. Key to
success of the development of the National Drug Pricing Policy should be “Flow SEB”, as F: Flow of work S:
Single policy E: Exclusive authorized organization B: Bundle measures.