• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การวิเคราะห์เชิงพื้นที่เพื่อหาทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิภาครัฐจัดตั้งใหม่ในเขตกรุงเทพมหานคร

สิริรัตน์ สุวัชรชัยติวงศ์; Sirirat Suwatcharachaitiwong; นิกร ศิริวงศ์ไพศาล; Nikorn Sirivongpaisal; นาตยา จึงเจริญธรรม; Nattaya Jungcharoentham;
วันที่: 2568-09
บทคัดย่อ
โครงการวิจัยเรื่อง การวิเคราะห์หาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมในการก่อตั้งโรงพยาบาลทุติยภูมิภาครัฐในเขตกรุงเทพมหานครโดยประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ข้อ ได้แก่ 1) เพื่อวิเคราะห์หาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมในการก่อตั้งโรงพยาบาลทุติยภูมิภาครัฐในเขตกรุงเทพมหานคร และ 2) เพื่อพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย สำหรับการกำหนดทำเลในก่อตั้งโรงพยาบาลทุติยภูมิภาครัฐในเขตกรุงเทพมหานคร โดยได้ทำการ 1) ประเมินสภาพปัจจุบันในการให้บริการของโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิที่ให้บริการผู้ป่วยภายใต้เงื่อนไขการวิจัย พบว่า ในกรณีที่ 1 พิจารณาโรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถครอบคลุมผู้ป่วยได้ 88.29% ของประชากรผู้ป่วยสิทธิประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งหมด โดยมีข้อกำหนดว่าผู้ป่วยสามารถรับบริการแบบข้ามเขตได้ ภายใต้เงื่อนไขการเดินทางและระยะทางที่กำหนด ในกรณีที่ 2 พิจารณาพื้นที่ให้บริการ พบว่า โรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถครอบคลุมผู้ป่วยในระยะ 6 กิโลเมตรได้ 87.98% ของประชากรทั้งหมด และในกรณีที่ 3 พิจารณาประชากรและโรงพยาบาลแบบรายเขต พบว่า สามารถครอบคลุมผู้รับบริการเฉลี่ยได้ 61.08% ของประชากรทั้งหมด 2) ประเมินพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดตั้งโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิ โดยในขั้นตอนการประเมินนี้จะใช้การหาปัจจัยที่มีความสำคัญในการหาพื้นที่ที่เหมาะสม โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ตามลำดับชั้น (Analytical Hierarchical Process : AHP) และประยุกต์ใช้ระบบภูมิศาสตร์สารสนเทศ (Geographic Information System : GIS) ซึ่งได้ปัจจัยที่ใช้ในการหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมในการจัดตั้งโรงพยาบาลทุติยภูมิทั้งสิ้น 10 ปัจจัย ทำการกำหนดค่าถ่วงน้ำหนักความสำคัญของแต่ละเกณฑ์ช่วงของปัจจัย ทั้งปัจจัยหลักและปัจจัยรอง แล้วนำมาประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลซ้อนทับ (Overlay Layer) ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ จะได้พื้นที่ที่เหมาะสมใน 3 ระดับ ได้แก่ เหมาะสมมาก เหมาะสมปานกลาง และเหมาะสมน้อย ซึ่งจะใช้พื้นที่ที่เหมาะสมในระดับมากและปานกลางเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการจัดตั้งโรงพยาบาลทุติยภูมิ และ 3) กำหนดที่ตั้งของโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิจัดตั้งใหม่และประเมินความครอบคลุมการให้บริการ ซึ่งงานวิจัยนี้ได้เสนอการเพิ่มโรงพยาบาลใน 7 เขตที่ไม่มีโรงพยาบาลทุติยภูมิอยู่เลย และเสนอการเพิ่มโรงพยาบาลทุติยภูมิใน 20 เขตที่มีร้อยละการครอบคลุมประชากรที่ต่ำกว่า 70% พบว่าโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 98 แห่ง และโรงพยาบาลทุติยภูมิจัดตั้งใหม่ 28 แห่ง มีการครอบคลุมพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้นในระยะไม่เกิน 6 กิโลเมตร ครอบคลุมผู้รับบริการได้ 94.36% (เดิม 87.98%) และเมื่อพิจารณาแบบแยกรายเขต สามารถครอบคลุมผู้รับบริการได้ เพิ่มขึ้นเป็น 84.74 % (เดิม 61.08%) ของผู้รับบริการทั้งหมด นอกจากนี้ ในงานวิจัยนี้ได้นำเสนอปัญหาที่ค้นพบจากผลการวิจัยและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถนำผลการวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ในเชิงสาธารณะได้ในการจัดตั้งโรงพยาบาลทุติยภูมิ

บทคัดย่อ
This research project, titled "Spatial Analysis to Determine the Locations for Newly Established Secondary Public Hospitals in Bangkok Metropolitan Area,” addresses two primary objectives: 1) to identify optimal locations for establishing public secondary hospitals within Bangkok, and 2) to develop policy recommendations for site selection of these hospitals in Bangkok area. The research was conducted in three distinct phases. First, the research began by assessing the current healthcare services provided by secondary hospitals in Bangkok. The findings indicate that hospitals registered as service units within the National Health Security Office (NHSO) currently cover 88.29% of the population, with provisions for inter-district service access under specified travel and distance conditions. Furthermore, spatial analysis reveals that these hospitals serve 87.98% of the population within a 6-kilometer radius. However, when considering individual districts, the hospitals cover only 61.08% of the total population. Second, this study identified suitable areas for establishing new secondary hospitals using a robust methodology that combined the Analytical Hierarchical Process (AHP), a multi-criteria decision making approach, with Geographic Information Systems (GIS). A total of ten factors crucial for determining suitable locations was identified. The criterion range for each factor was weighted, incorporating both primary and secondary influences. This comprehensive dataset was then processed and analyzed using an overlay layer technique with spatial data analysis. This process resulted three distinct levels of suitability: highly suitable, moderately suitable, and less suitable. The areas categorized as highly and moderately suitable are considered to have the potential for the establishment of new secondary hospitals. Third, the research determined the locations of newly established secondary hospitals and assessed their projected service coverage. The study proposed adding hospitals in seven districts that currently lack secondary hospitals, and in 20 districts where covered population was below 7 0%. The findings demonstrate that with the existing 98 hospitals serving as NHSO units and the 27 newly established secondary hospitals, service area coverage within a 6-kilometer radius would increase significantly to 94.36% (from 87.98%). When analyzed by individual districts, the population coverage would rise to 84.74% (from 61.08%). Furthermore, this research highlights problems identified rom these findings and provides policy recommendations to relevant agencies for public utilization in establishing secondary hospitals.
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hs3301.pdf
ขนาด: 12.03Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 1
ปีงบประมาณนี้: 1
ปีพุทธศักราชนี้: 1
รวมทั้งหมด: 1
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2502]

    งานวิจัย


DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [624]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [100]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [287]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [126]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [160]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1304]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [233]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [21]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV