บทคัดย่อ
ยุทธศาสตร์การวิจัยระบบสุขภาพ ปี พ.ศ. 2554-2558 ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะจัดการความรู้มุ่งสู่ระบบสุขภาพที่เป็นธรรมและยั่งยืน และหนึ่งในแผนงานวิจัยที่สำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวคือ การพัฒนาความเข้มแข็งกลไกการอภิบาลระบบสุขภาพ (Health system governance) คำว่า “การอภิบาลระบบ” มีการใช้มานานพอสมควร แต่ก็ให้ความหมายแตกต่างกัน ในที่นี้เราหมายถึง “การใช้อำนาจร่วมกัน (ของกลไกและหน่วยงานต่างๆ ) ในการกำกับทิศทางการตัดสินใจเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง (เช่น สุขภาวะของประชาชน)” กลไกอภิบาลระบบฯ จึงไม่ได้จำกัดที่กลไกภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปฏิสัมพันธ์ของกลไกทั้งหมดในสังคม ซึ่งแต่ละกลไกมีพลังอำนาจในมิติที่แตกต่างกัน กระทรวงสาธารณสุขซึ่งได้จัดตั้งมาเกือบ 70 ปี นับเป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญในการอภิบาลระบบสุขภาพ การเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าการปฏิรูปกระทรวงสาธารณสุขเกิดขึ้นหลายครั้ง ครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517 ที่มีการแยกบทบาทของกรมวิชาการกับหน่วยปฏิบัติการ คือ สำนักงานปลัดกระทรวงและมีการขยายส่วนราชการต่างๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนการเปลี่ยนแปลงครั้งหลังสุด ในปี 2545 ทำให้กระทรวงสาธารณสุขมีหน่วยงานเทียบเท่ากรมอยู่ในสังกัด 9 กรม และหน่วยงานในกำกับอีกจำนวนหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งหลังสุดจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปี และเป็น 10 ปี ที่สังคมไทยและปัญหาสุขภาพของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จนทำให้มีผู้ตั้งคำถามว่าสมควรที่จะทบทวนบทบาทภารกิจและโครงสร้างของกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้งหรือไม่ เป็นที่น่ายินดีว่ากระทรวง สาธารณสุขตอบสนองต่อประเด็นคำถามดังกล่าวด้วยการจัดกระบวนการต่างๆ อย่างกว้างขวาง ด้วยมุมมองและวิธีการที่เปิดกว้างอย่างมาก และด้วยกระบวนการดังกล่าว ไม่ว่าผลสรุปจะเป็นเช่นไร สะท้อนให้เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ผ่านการปฏิรูปครั้งสำคัญไปแล้ว คือ การปฏิรูปกระบวนทัศน์ในการบริหารจัดการ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ยินดีที่ได้มีโอกาสสนับสนุนและร่วมในกระบวนการดังกล่าวของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็นภารกิจของ สวรส. คือ การจัดการความรู้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโดยหนึ่งในกิจกรรมที่ สวรส. ได้ร่วมสนับสนุนคือ การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “บทบาทกระทรวงสาธารณสุขในศตวรรษที่ 21” ขึ้นในระหว่างวันที่ 25-26 มิถุนายน 2554 เอกสารฉบับนี้ รวบรวมสาระสำคัญที่สังเคราะห์จากเอกสารนำเข้า และความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวข้างต้น โดยหวังว่าข้อมูลความรู้และความคิดเห็นต่างๆ จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบทบาทของกระทรวงสาธารณสุขต่อไปในอนาคต