Abstract
อัตราการดื้อยาต้านจุลชีพที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยคุกคามการควบคุมโรคติดเชื้อ เมื่อเชื้อเกิดการดื้อยาขึ้นในกลุ่มประชากรหนึ่ง มันสามารถแพร่ระบาดไปทั่วภูมิภาคได้ ปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพมีความรุนแรงโดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งประชาชนไม่สามารถเข้าถึง หรือไม่สามารถรับภาระราคายาที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าการรักษาขั้นพื้นฐานเดิม เพราะการเปลี่ยนยาตามความไวของเชื้อมักต้องใช้ยาที่มีราคาสูงขึ้น ดังนั้นจึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ภาวะเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพเป็นความท้าทายระดับโลก ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นปัญหาสำคัญสำหรับรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้มั่นใจว่ายาต้านจุลชีพที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันไม่สูญเสียความไวในการต้านเชื้อรวดเร็วเกินไป ในประเทศไทยมีการนำโครงการและกิจกรรมมากมายมาใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์เชื้อดื้อยา แต่มีหลักฐานของความสำเร็จที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย การศึกษานี้เพื่อบอกขนาด และแนวโน้มของปัญหาสถานการณ์เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในประเทศไทย ความพยายามในอดีตและปัจจุบันเพื่อแก้ปัญหา รวมทั้งพยายามสรุปองค์ความรู้ที่ยังไม่มีคำตอบ และแนวนโยบายที่พอจะเป็นไปได้ท้ายที่สุด รายงานฉบับนี้พยายามนำเสนอตัวอย่างของแรงจูงใจอันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ผู้ป่วย แพทย์ โรงพยาบาล บริษัทยาได้ตระหนักถึงปัญหา และใช้ยาอย่างเหมาะสม มีความเป็นไปได้ของการใช้นโยบายจำกัดการเบิกค่ารักษาพยาบาล เพื่อลดการใช้ยาต้านจุลชีพเกินความจำเป็น ในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการประกันสุขภาพ แพทย์และสมาคมวิชาชีพแพทย์ต่างๆควรยอมรับแนวทางการรักษา ที่ไม่เอื้อต่อการใช้ยาต้านจุลชีพที่ไม่เหมาะสมให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รัฐบาลควรส่งเสริมโครงการต่างๆอย่างชัดเจน เพื่อเพิ่มแรงจูงใจ หรือผลักดันโรงพยาบาลต่างๆให้มีการควบคุมการติดเชื้อดีขึ้น และส่งเสริมผู้ผลิตยาให้มีการวิจัยค้นคว้ายาใหม่ๆ การรณรงค์ในภาคประชาชนให้มีส่วนร่วม รับรู้ปัญหาการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ มีส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหานี้