บทคัดย่อ
รายงานฉบับนี้เป็นการติดตามสมรรถนะและสัมฤทธิผลของการดำเนินงานในระบบบริการสาธารณสุขและการคลังสุขภาพของสถานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขไตรมาสสี่ของปีงบประมาณ 2553 โดยทำการวิเคราะห์จากฐานข้อมูลทุติยภูมิสำคัญที่มีอยู่แล้ว คือ ฐานข้อมูลรายงานทางการเงินซึ่งสถานพยาบาลในสังกัดส่งให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ฐานข้อมูลรายงานกิจกรรมซึ่งโรงพยาบาลส่งให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และฐานข้อมูลอิเลคทรอนิคส์ผู้ป่วยในของผู้ป่วยในกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในแต่ละช่วงไตรมาสเดียวกัน อาศัยกรอบแนวคิดและเครื่องชี้วัดเพื่อการติดตามประเมินระบบการคลังสุขภาพและระบบบริการสุขภาพ ที่ได้จากประชุมระดมสมองและกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในลักษณะของคณะทำงานที่มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข องค์กรประกันสุขภาพ นักวิชาการ โดยดูเฉพาะตัวชี้วัดสำคัญที่มีความไวในการสะท้อนสถานการณ์ทางการเงินการคลังของระบบบริการและปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดสถานการณ์การคลังดังกล่าว การวิเคราะห์มีข้อค้นพบดังต่อไปนี้
(1) ผลผลิต ในไตรมาสนี้พบว่า จำนวนผู้ป่วยจากสิทธิประกันสังคมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในประเภทของโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป จำนวนผู้ป่วยจากสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในประเภทโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และผู้ป่วยจากสิทธิหลักประกันสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในประเภทโรงพยาบาลชุมชน
(2) รายรับที่ปรับหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญแล้ว แหล่งรายรับหลักยังเป็นรายรับจากผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพมีอัตราเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสสาม รองมาคือผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ และผู้มีสิทธิประกันสังคม
(3) ค่าใช้จ่าย สถานพยาบาลทุกระดับมีการจ่ายค่าตอบแทนสูงขึ้นต่อเนื่องจากปีงบประมาณ ที่ผ่านมา
(4) ผลดำเนินงานในไตรมาสสี่ โรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมด มีกำไรสุทธิเมื่อไม่รวมค่าเสื่อมราคาจำนวน 3,400 ล้านบาท อัตรากำไรร้อยละ 2 และเมื่อรวม ค่าเสื่อมราคาแล้วพบว่า ขาดทุน 4,621 ล้านบาท อัตราขาดทุนร้อยละ 3 พบว่า มีจำนวนโรงพยาบาล จำนวน 584 แห่ง มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย แต่ถ้าไม่รวมค่าเสื่อมราคา จำนวนโรงพยาบาลที่มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายจะลดเหลือ 343 แห่ง
จำนวนผู้รับบริการที่เพิ่มขึ้นเป็นส่งผลให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับสถานพยาบาลเช่นกัน จากการวิเคราะห์พบว่าโรงพยาบาลแต่ละแห่งที่มีจำนวนผู้มารับบริการเพิ่มขึ้นแต่มีประเภทผลผลิตและประเภทรายจ่ายแตกต่างกันก็จะมีผลกำไรสุทธิต่างกันไปด้วย โดยปัจจัยที่ผลักดันให้สถานการณ์การคลัง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในด้านผลผลิต (Out-put mixed) ที่ส่งผลต่อสถานการณ์การคลังที่ดีขึ้น มาจากรายรับจากสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และสวัสดิการสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ โดยแหล่งรายจ่าย (Input mixed) ที่สำคัญคือ ค่ายา ค่าตอบแทน เงินเดือน(บริการ) และวัสดุการแพทย์ ทั้งนี้ ค่าตอบแทน และวัสดุการแพทย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวมของโรงพยาบาล (รายละเอียดรายโรงพยาบาลดูได้จากภาคผนวก)
ในไตรมาสนี้พบว่ามีโรงพยาบาลจำนวน 584 แห่งมีรายรับต่ำกว่าค่าใช้จ่าย โดยเป็นโรงพยาบาลชุมชน 514 แห่ง โรงพยาบาลทั่วไป 50 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์ 20 แห่ง แต่ถ้าไม่รวมค่าเสื่อมราคาจำนวนโรงพยาบาลที่ขาดทุนจะลดเหลือ 343 แห่ง โดยเป็นโรงพยาบาลชุมชน 302 แห่ง โรงพยาบาลทั่วไป 31 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์ 10 แห่ง แต่ทั้งนี้สถานพยาบาลแต่ละแห่งมีความแตกต่างของปัจจัยที่มีผลต่อสถานการณ์การคลัง ซึ่งได้แสดงไว้ในภาคผนวก ข้อมูลที่ได้มายังพบว่ามีความคลาดเคลื่อนอยู่ระดับหนึ่งจึงต้องแปลผลด้วยความระมัดระวัง
หมายเหตุ
1. เนื่องจากรายงานฉบับนี้เป็นรายงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สำหรับการกำกับติดตามสถานการณ์ของการให้บริการสุขภาพ จึงเน้นความรวดเร็วในการออกรายงาน สถานบริการหลายแห่งอาจยังส่งข้อมูลได้ไม่ครบ หรือมีข้อผิดพลาด ดังนั้นดัชนีที่แสดงจึงยังไม่ใช่เป็นข้อสรุป โดยจะมีการปรับแก้ต่อเนื่องในรายงานไตรมาสต่อไป และจะนำเสนอเป็นดัชนีประจำปีในรายงานวิเคราะห์ประเมินสมรรถนะระบบบริการสุขภาพประจำปีในขั้นสุดท้าย
2. เพื่อแก้ปัญหาความครบถ้วนถูกต้องของข้อมูล จึงเลือกใช้มัธยฐาน (Median) ซึ่งเป็นค่ากลาง ที่ได้รับผลกระทบจากการที่มีข้อมูลเบี่ยงเบนน้อยกว่าการวัดค่ากลางวิธีอื่น
3. การออกแบบผังบัญชีกับรายงานข้อมูลสถิติไม่สอดคล้องกันทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์ ในรายละเอียดของปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงถึงระดับปริมาณการให้บริการ ต้นทุนต่อหน่วย และราคาต่อหน่วย