บทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนาระบบเพื่อการจัดทำบัญชีรายจ่ายยาแห่งชาติปี 2553 ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและวางระบบการจัดการข้อมูลเพื่อจัดทำรายงานบัญชีรายจ่ายยาแห่งชาติ โดยมีแนวคิดสำคัญคือ มุ่งเน้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์จากข้อมูลและสารสนเทศ การดำเนินการแบ่งเป็น 3 ระยะหลักๆ คือ การ
พัฒนาโครงสร้างหลักบัญชีรายจ่ายด้านยาแห่งชาติ การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดทำบัญชีรายจ่ายด้านยาแห่งชาติ และการทดลองระบบ รวมระยะเวลา3 ปี (มีนาคม 2552 – กุมภาพันธ์ 2555)
สรุปผลการศึกษา
1. จากระบบรายงานแบบกระดาษสู่ระบบรายงานอิเลคโทรนิกส์
ความก้าวหน้าสำคัญจากงานวิจัยชิ้นนี้ คือ การเปลี่ยนผ่านจากระบบรายงานมูลค่าการผลิต และนำเข้ายาเป็นกระดาษ เป็นการรายงานโดยระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้น ด้วยกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วมระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ และผู้ปฏิบัติงาน ทำให้ระบบที่พัฒนาขึ้นได้ถูกนำไปใช้จริง สอดประสานเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานระบบการรายงานโดยระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นอย่างมีแบบแผน มีมาตรฐานที่สอดคล้องกัน ช่วยลดความผิดพลาดอันเนื่องมาจากการนำเข้าข้อมูล
จากรายงานกระดาษ เพื่อจัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์ได้ทั้งหมด นอกจากนี้ระบบสารสนเทศยังนำข้อมูลจากการรายงานมาเตรียมเป็นสารสนเทศป้อนกลับให้กับผู้ประกอบการที่ส่งข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนการตลาดเป็นกลไกสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการรายงานข้อมูล
2. การจัดทำบัญชีรายจ่ายยาแห่งชาติปี 2553
จากการวางระบบการรายงานข้อมูลมูลค่าการผลิต และนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาใหม่ พบว่าในปี 2553 ประเทศไทยมีการผลิตยาภายในประเทศ (ไม่รวมแบ่งบรรจุ) คิดเป็นมูลค่า 46,895,753,527 บาท; มูลค่านำเข้า 99,663,791,613 บาท;ส่งออกคิดเป็นมูลค่า 12,077,467,549 บาท และมูลค่าการบริโภคยาในประเทศ
ในราคาผู้โภค เท่ากับ 144,570,906,916 บาท โดยเป็นการบริโภคยาผ่านสถานพยาบาลที่มีเตียง ร้านยา สถานพยาบาลที่ไม่มีเตียง คิดเป็นร้อยละ 62.52, 26.28และ 6.50 ตามลำดับ (ดังภาพสรุปรายงานบัญชีรายจ่ายยาแห่งชาติ) และกลุ่มยาที่มีมูลค่าการบริโภคสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ANTIINFECTIVES FOR SYSTEMICUSE, CARDIOVASCULAR SYSTEM และ ALIMENTARY TRACT ANDMETABOLISM ตามลำดับ
การศึกษานี้ได้ปรับปรุงระบบการรายงานการผลิต และนำเข้ายา ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในปี 2553 โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการรายงานสัดส่วนมูลค่าการกระจายยาผ่านช่องทางต่างๆ ด้วย แต่วิธีการกรอกข้อมูลมีความซับซ้อน ประกอบกับไม่มีการกำหนดให้รายงานโดยกฎหมาย ทำให้ได้รับ
ข้อมูลกลับมาน้อย และขาดความสมบูรณ์ ดังนั้น ข้อมูลสัดส่วนการกระจายมูลค่า
ยาผ่านช่องทางหลัก 4 ช่องทาง ในการศึกษาครั้งนี้จึงได้มาจากการสำรวจสัดส่วนการกระจายยาโดยรวมของบริษัท ทำให้ยังไม่สามารถวิเคราะห์สัดส่วนการกระจายมูลค่ายาผ่านช่องทางหลักของยาแต่ละรายการได้
สำหรับข้อมูลสัดส่วนปรับราคาผู้บริโภค (consumer price factor:CPF) คือ อัตราความแตกต่างระหว่างราคาประกาศของโรงงาน (price list) เทียบกับราคาขายผู้บริโภค โดยมีการคำนวณ CPF สำหรับทุกๆ ช่องทางการกระจายยา เพื่อใช้ปรับมูลค่าการบริโภคยา ณ ราคาประกาศของโรงงาน (price list) ที่กระจายผ่านช่องทางต่างๆ เป็นมูลค่าการบริโภคยา ณ ราคาผู้บริโภค
ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาระบบการจัดการสำหรับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
1. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาควรมีการปรับปรุงข้อบังคับการจัดทำรายงานประจำปี ให้ผู้ประกอบการรายงานปริมาณและมูลค่าแยกตามช่องทางการจำหน่าย โดยมีหลักประกันความปลอดภัยของข้อมูล เช่น การเพิ่มข้อบังคับเข้าไปในการปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่องการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการในการผลิตยาแผนปัจจุบัน ตามกฎหมายว่าด้วยยา พ.ศ.2556 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การกำหนดมาตรฐานการนำเข้าและกระจายยาที่ดี
(Good Distribution Practice) พ.ศ.2556 เป็นต้น
2. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาควรจัดการให้เกิดระบบการปรับปรุงมาตรฐานข้อมูลต่างให้ทันสมัย เชื่อมโยงข้อมูลโดยอัตโนมัติ ทั้งในกลุ่มยาวัตถุออกฤทธิ์และยาเสพติด และยาที่นำเข้าส่งออกโดยในกลุ่มยาวัตถุออกฤทธิ์และยาเสพติดที่ผลิตโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และดำเนินการผนวกรายงานการผลิต และ กระจายยาเสพติดเข้าสู่ระบบการรายงานประจำปีของสำนักยา สำหรับข้อมูลยาที่นำเข้าส่งออก ณ สำนักด่านอาหารและยาควรจะดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับสำนักยา เพื่อใช้ในการตรวจสอบคุณภาพการรายงานประจำส่วนนำเข้าและส่งออก
3. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาควรพัฒนาระบบการประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ยา ให้มีมาตรฐานข้อมูลและเพิ่มรายละเอียดของรหัสที่สามารถระบุได้ว่าเจ้าของผลิตภัณฑ์ยาและผู้ผลิตคือหน่วยงานใดบ้าง
4. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (โดยสำนักด่านอาหารและยา)เสนอรูปแบบรหัสสถิติ (3 หลัก) โดยอ้างอิงการแบ่งกลุ่มยาตามระบบ ATCของ WHO/CC ต่อกรมศุลกากร เพื่อปรับปรุงพิกัดศุลกากร 8 หลักให้มีความละเอียดมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการตรวจสอบคุณภาพของข้อมูลมูลค่าการนำเข้า และส่งออก
ข้อเสนอแนะเพื่อการดำเนินโครงการในอนาคต
1. คำนวณมูลค่าการบริโภคยาแห่งชาติ ประจำปี 2555
2. พัฒนาการจัดทำบัญชีรายชื่อร้านยาและโรงพยาบาลทั่วประเทศ และระบบการเข้าถึงฐานข้อมูลบัญชีรายชื่อโดยอัตโนมัติ และพัฒนาวิธีการเก็บข้อมูลสัดส่วนการกระจายยาผ่านช่องทางต่างๆ และการคำนวณค่าMark-up ที่ฝังอยู่ในระบบโดยไม่ต้องดำเนินการสำรวจเป็นครั้งคราว
3. พัฒนาดัชนีที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตลาดยา และ การบริโภคยาเพื่อเป็นการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในส่วนของตลาดยา และ การบริโภคยา
บทคัดย่อ
This study was aimed to develop the annual report of national
drug account with the built-in information management system.
The system was designed to maximize benefits from data utilization
for every stakeholder. The 36-month study period (March 2009 to
February 2012) was divided into three phases: the configuration of
the core structure of the national drug account, the information management
system design and development, and finally, the system
testing.
Finding Summary
1. From paper-based report to electronics report
A major change resulted from this study was switching from
the traditional paper based to electronic submission of the annual report
of manufacturing and importing values by pharmaceutical companies.
With an intensive participatory research process from all crucial
stakeholders especially policy makers and key FDA officers, the
developed information management system was naturally integrated
into the routine work. All transcribed errors occurred from the paper-based system
were eliminated by this deliberate designed system. Other errors
were minimized through the standardization of all related variables.
This research had initiated a feedback report on market oriented information
to manufacturers and importers submitting data to FDA as
a recognition of mutual benefits.
2. 2010 National drug account
By the operation of this newly developed system, it was
found that for the year 2010, the value of the domestically manufactured
drugs (excluded repacking) was ฿ 46,895,753,521, the import
value was ฿ 99,663,791,612 and the export value was accounted for
฿ 12,077,467,549. The overall drug value of domestic consumption
(at consumer price) was ฿ 144,570,906,916. ANTIINFECTIVES FOR SYSTEMIC
USE, CARDIOVASCULAR SYSTEM, and ALIMENTARY TRACT AND
METABOLISM were the three ATC groups with the highest consumption
respectively. New input data, the proportion of drug distributed via main
distribution channels, has been added into the 2010 annual report.
However, the data received did not adequately represent the market
value, since these data were never formally required and the platform
of electronic data entry process was quite complicated, causing
pharmaceutical companies had difficulty to comply. The distribution
channel survey was then conducted requesting overall distribution
percentage via 4 major channels from manufacturers and importers.
The itemized analysis on drug distribution could not be achieved.
The consumer price factor, price difference between net sale
price and listed price, for each channel of distribution was calculated
and used to adjust the overall domestic drug consumption at listed
price to derive national drug consumption at consumer price.
Policy Recommendations
FDA should amend the regulation on the additional required
input data, specifically the proportion of drug distribution via
main distribution channels.
FDA should set up a task force to maintain and update data
standard appended to the developed system.
FDA should develop a coordination network to ensure the
consistency in using the standardized data sets across all
involved departments and stakeholders.
FDA should develop and adhere 3-digits statistic coding system for pharmaceuticals based on ATC system by WHO/
CC to the 8-digits Harmonized System code of tariff. This
would facilitate data collection and verification of the report
on importing and exporting values.
Future Studies Recommendations
Calculate national drug consumption 2012.
Develop a comprehensive list of drugstores and hospitals to
be built-in as a supporting system for drug distribution and
mark-up variables.
Elaborate industry feedback information for example, sets of
indices monitoring drug market and consumption patterns.