บทคัดย่อ
หนังสือเล่มนี้ จะเปิดเผยความไม่คงเส้นคงวาและการเปลี่ยนรูป (transformation) ของนโยบายของรัฐไทยที่มีต่อคนพิการภายใต้บริบทการเมืองและเศรษฐกิจในแต่ละยุค อิทธิพลอำนาจวาทกรรมขององค์กรระดับนานาชาติ และหลักการศีลธรรมเชิงสถาบัน (moral institution) ของพุทธเถรวาทที่ร่วมกันสร้างระบอบศีลธรรมและจริยธรรมเกี่ยวกับคนพิการในสังคมไทย ภายใต้ระบอบศีลธรรมและจริยธรรมดังกล่าวนี้ คนพิการกลายมาเป็น“องค์ประธานทางการเมือง” (political subjects) ถูกทำให้เป็นปัญหา (problematized) ทั้งในฐานะประเด็นปัญหาทางการเมืองและศีลธรรม รัฐไทยจำแนกแยกแยะคนพิการผ่านอำนาจองค์อธิปัตย์ (sovereign) ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ไม่เพียงคนพิการถูกดึงเข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมสอดส่องของอำนาจรัฐไทยเพื่อเบียดขับออกไปจากสังคม (inclusion-exclusion) (Agamben ๑๙๘๘) กล่าวคือ ชีวการเมือง (biopolitics) จากอำนาจรัฐไทยได้จำแนกแยกแยะคนพิการให้อยู่ในกลุ่มประชากรกลุ่มเดียวกันกับคนขอทาน คนเร่ร่อนจรจัดในเมือง ซึ่งประชากรกลุ่มนี้ในสายตาของรัฐเป็นประชากรกลุ่มเสี่ยงที่จะก่อปัญหาสังคมเมือง ดังนั้น ควรต้องได้รับการกักเก็บไว้ในสถานสงเคราะห์ของรัฐ ชีวอำนาจ (biopower) ของรัฐไทยยังได้สร้าง “ความเป็นพลเมืองเชิงชีวะ” (biological citizenship) ให้กับคนพิการ (Petryna ๒๐๐๒) กล่าวคือ รัฐอาศัยแง่มุมเชิงชีววิทยา ในกรณีนี้ได้แก่ความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายในการเป็นเกณฑ์มาตรฐานกำหนดความเป็นพลเมืองของรัฐที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือสงเคราะห์สวัสดิการจากรัฐหรือไม่ นอกจากนั้น จะแสดงให้เห็นว่าชีวการเมืองของรัฐไทยข้างต้นซึ่งมีมุมมองต่อคนพิการในฐานะ “พลเมืองที่ไร้สมรรถภาพ”สอดคล้องกลมกลืนกับความเชื่อเรื่องกรรมและวาทศิลป์ความเมตตากรุณา (rhetoric of compassion) จากหลักการศีลธรรมของพุทธเถรวาทซึ่งเผยแพร่ความเชื่อให้คนพิการต้องยอมรับความพิการของตนเองในฐานะผลกรรมจากชาติปางก่อน ผลลัพธ์ที่ตามมาจากการผสมกลมกลืนของอุดมการณ์ทางการเมืองของรัฐไทยและหลักการศีลธรรมของพุทธเถรวาทข้างต้นคือ คนพิการในฐานะผู้มีบาปและกรรมติดตัวมาแต่กำเนิดควรต้องยอมรับผลกรรมของความพิการของตัวเองในชาตินี้และรอคอยแค่การช่วยเหลือสงเคราะห์จากรัฐในฐานะ “วัตถุแห่งการสงเคราะห์” ในนามมนุษยธรรมเท่านั้น