บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพัฒนา (Research and Development; R&D) เพื่อพัฒนาโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแบบเข้มข้นในกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 พัฒนาโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ใช้หลักการมีเพื่อนช่วยเพื่อน (Buddy) กระตุ้นเตือนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ โดยมีบุคลากรสาธารณสุขเป็นพี่เลี้ยง ระยะที่ 2 ศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรม โดยใช้การศึกษาแบบกึ่งทดลองมีกลุ่มควบคุมวัดผลก่อนและหลังจัดโปรแกรม กลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์คัดเลือกอย่างน้อย 1 ข้อ ดังนี้ (1) ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง ระหว่าง 100–125 มก./ดล. (2) BMI ≥ 25 กก./ม2 (3) เส้นรอบเอวเกินมาตรฐาน คือ ≥90 ซม.ในผู้ชาย หรือ ≥80 ซม.ในผู้หญิง (4) มีญาติสายตรงเป็นโรคเบาหวาน ดำเนินการที่ตำบลเมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ตัววัดหลักที่สำคัญได้แก่ พฤติกรรมสุขภาพ (การรับประทานอาหาร และออกกำลังกาย) ระดับน้ำตาลในเลือด ดัชนีมวลกาย เส้นรอบเอว และความพึงพอใจของกลุ่มเสี่ยงต่อการเข้าร่วมโปรแกรม
ผลการศึกษา โปรแกรมที่พัฒนาขึ้น จัดกิจกรรม 7 ครั้ง รวมเวลา 16 สัปดาห์ เนื้อหาประกอบด้วย (1) การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน (2) การประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ (3) การตั้งเป้าหมายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ (4) การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับบุคคลและบริบทชุมชน (5) การเคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายที่เหมาะสม (6) การควบคุมกายและใจเพื่อสุขอนามัยที่ดี “สกัด สะกด สะกิด” และ (7) กัลยาณมิตร “เพื่อนช่วยเพื่อน” จากการประเมินประสิทธิผลของโปรแกรม ผู้เข้าร่วมศึกษาจำนวน 60 คน (กลุ่มทดลอง 30 คน และกลุ่มควบคุม 30 คน) ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 73.3 อายุเฉลี่ย 51.2 ปี BMI เฉลี่ย 28.40 กก./ม2 เกือบทั้งหมดมีเส้นรอบเอวเกินมาตรฐาน ร้อยละ 90.0 ระดับน้ำตาลเฉลี่ย 95.3 มก./ดล. หลังสิ้นสุดโปรแกรม วิเคราะห์ผลลัพธ์โดยการควบคุม (Adjusted) ด้วยค่าก่อนจัดโปรแกรม (Baseline) ของตัวแปรนั้น พบว่า ระดับน้ำตาลในเลือด และ BMI ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมไม่แตกต่างกัน เส้นรอบเอวของกลุ่มทดลองลดลงมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ความต่างเฉลี่ย –5.9 ซม.; 95%CI = (–9.4, –2.4; p=0.001) คะแนนพฤติกรรมสุขภาพ (ความต่างเฉลี่ย 3.6 คะแนน; 95%CI = 0.3, 6.9; p=0.035) และความรู้ (ความต่างเฉลี่ย 2.0 คะแนน; 95%CI = 0.6, 3.4; p=0.006) เพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ความพึงพอใจของกลุ่มทดลองต่อโปรแกรมระดับมากและมากที่สุด ร้อยละ 96.7 จะเห็นว่าโปรแกรมมีประสิทธิผลในการลดเส้นรอบเอว มีพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และความรู้เพิ่มขึ้น
บทคัดย่อ
The research and development study aimed to develop a model of lifestyle intervention to prevent type 2 diabetes mellitus (DM) in high risk group.
Methods: The study was divided into two phases, phase one developed a lifestyle program and phase two evaluated the effectiveness of the model using quasi-experimental study. According to phase two, the participants were selected from high risk group of DM in the local community, Kudjub district, Udonthani province, north-eastern part of Thailand. The lifestyle program was applied from the diabetes prevention program (DPP). Researcher team and public health nurses in District Health Promoting Hospitals (DHPH) performed seven meetings to deliver education and empowerment consisted of healthy diet, physical activity, stress management and social behaviors. The participants in intervention group were encouraged to match as a “buddy” for coaching each other throughout 16 weeks of the program. The outcomes were body mass index (BMI), waist circumference (WC), fasting blood sugar (FBS), health behaviors, and satisfaction of the program.
Results: Totally, 30 persons in intervention and 30 in control group participated. Most of them were women (73.3%), and the mean age was 51.2 years. The mean of BMI was 28.4 kg/m2, FBS was 95.3 mg/dl, and waist WC was 93.8 centimeters. After 16 weeks, adjusted mean difference (MD) of FBS (90.1 mg/dl in intervention vs 95.3 mg/dl in control group) and BMI (25.7 vs 29.1 kg/m2) were not significant. WC was significantly decreased in intervention group compared to control group (MD –5.9 cm; 95%CI = –9.4 to –2.4; p=0.001) Health behavior score (MD 3.6 score; 95%CI = 0.3 to 6.9; p=0.035) and knowledge (MD 2.0 score; 95% CI=0.6 to 3.4; p=0.006) were significantly increased in intervention compared to control group. Overall, 96.7% of the intervention group was satisfied and very satisfied with the program.
Conclusion: Lifestyle intervention program demonstrated significant improvement in WC, health behaviors and knowledge. The program could lead to prevent type 2 DM in the local community.