dc.contributor.author | กานต์นะรัตน์ จรามร | th_TH |
dc.contributor.author | Karnnarut Jaramorn | en_EN |
dc.contributor.author | นันทวดี เนียมนุ้ย | th_TH |
dc.contributor.author | Nunthawadee Niamnuy | en_EN |
dc.contributor.author | ไพโรจน์ เสาน่วม | th_TH |
dc.contributor.author | Pairoj Saonuam | en_EN |
dc.date.accessioned | 2017-06-28T05:38:11Z | |
dc.date.available | 2017-06-28T05:38:11Z | |
dc.date.issued | 2560-06-30 | |
dc.identifier.citation | วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข 11,2 (เม.ย.-มิ.ย. 2560) : 268-276 | th_TH |
dc.identifier.uri | http://hdl.handle.net/11228/4726 | |
dc.description.abstract | การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นับเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศไทย มีการกำหนดมาตรการเพื่อลดการบริโภคทั้งมาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางสังคม การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการลดพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รูปแบบการศึกษาเป็นการวิจัยและพัฒนา (research and development) แบ่งออกเป็น 3 ระยะได้แก่ ระยะที่ 1 ทบทวนเอกสารและศึกษาบริบทของชุมชน ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่ชุมชนมีส่วนร่วมโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบเสริมสร้างพลังอำนาจ (empowerment evaluation) และระยะที่ 3 ศึกษาผลการใช้รูปแบบการดำเนินงานโดยวิธีการประเมินแบบผสมผสาน (mixed evaluation method) โดยชุมชนมีส่วนร่วมเพื่อลดพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาได้แก่ ผู้นำชุมชนและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 30 คน ประกอบด้วยกำนัน (1 คน), ผู้ใหญ่บ้าน (1 คน), อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (7 คน), ครู (1 คน), บุคลากรสาธารณสุขจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (2 คน), สมาชิกชมรมผู้สูงอายุ (5 คน), สมาชิกอาสาสมัครพัฒนาสังคม (1 คน), สมาชิกเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (4 คน) และแกนนำเยาวชน (8 คน) จัดแบ่งเป็น 2 กลุ่มแบบสุ่มอย่างง่าย วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาจากการสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth interview) และจากการสนทนากลุ่ม (focus group discussion)
ผลการวิจัยพบว่า ในขั้นตอนของการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานนั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าร้อยละ 80 เข้าร่วมกระบวนการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานในระดับสูงสุด หมายถึงกลุ่มตัวอย่างมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของกิจกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพ และในขั้นตอนการศึกษาผลการใช้รูปแบบการดำเนินงาน พบว่า ชุมชนมีการดำเนินมาตรการทางสังคม เช่น การสำรวจผู้ที่ดื่มสุราในชุมชน, ผู้นำชุมชนเป็นต้นแบบในการลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การขอความร่วมมือจากเจ้าภาพงานบุญหรืองานประเพณีให้จัดเป็นเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมาตรการทางสังคมส่งผลให้ชุมชนและเครือข่ายมีความเข้มแข็ง หน่วยงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ ประชาชนมีพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง โดยประเมินได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วัด โรงเรียนและหน่วยงานเป็นเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประชาชนมีความรู้เรื่องโทษหรือพิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเกิดนวัตกรรมชุมชนเพื่อลดพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ โครงการรักเพื่อนต้องชวนเพื่อน และโครงการคนใหม่หัวใจแกร่ง
สรุปได้ว่า การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการลดพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น สามารถลดพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ | th_TH |
dc.description.sponsorship | สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | th_TH |
dc.language.iso | th | th_TH |
dc.publisher | สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | th_TH |
dc.rights | สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | th_TH |
dc.subject | แอลกอฮอล์ | th_TH |
dc.subject | การดื่มสุรา | th_TH |
dc.title | กรณีศึกษา : การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ | th_TH |
dc.title.alternative | Case Study: Community Participation Development Model to Reduce Alcohol Consumption | en_EN |
dc.type | Article | th_TH |
dc.description.abstractalternative | Alcohol consumption is an important problem of Thailand which law and social measures for
reducing alcohol consumption have been provided. The purpose of this research was to develop
community participation model to reduce alcohol consumption behavior and study the effects of this
model. It was a research and development study, included 3 phases: the first phase was reviewing
documents and studying community context, the second phase was developing community participation
model and the final phase was studying the effects of the community participation model in reducing
alcohol consumption behavior. The sample size of 30 persons consisted of community leaders and
relevant persons. They were one village headman, one subdistrict headman, seven health volunteers,
one teacher, two health officers, five members of elderly club, one social development volunteer,
four members of Stopdrink network and eight young leaders, divided into two groups by simple random
sampling. Data were collected from in-depth interview and focus group discussion and analyzed
by content analysis.
The results showed that more than 80% of the sample had extensively participated in the process
of model development, that is, they participated in every step of health promotion activity. The
results of the model included social measures by the community, such as surveying drinking people in
community, the community leaders acted as role models to reduce alcohol consumption, asking for
alcohol free zone in the religious ceremony and the festival. The social measures highly empowered
the community and the network. The relevant agencies participated in the health promotion activities.
The people’s alcohol consumption behavior reduced, evaluated from sales in the community.
Temples, schools, and public offices were alcohol free zones. The people knew more about toxicity
of alcohol and they created innovation of reducing alcohol consumption behavior in the community
such as “Love friends, suggest friends” and “New people with strong heart” projects.
It could be concluded that the development of community participation model could reduce
alcohol consumption behavior. | en_EN |
.custom.citation | กานต์นะรัตน์ จรามร, Karnnarut Jaramorn, นันทวดี เนียมนุ้ย, Nunthawadee Niamnuy, ไพโรจน์ เสาน่วม and Pairoj Saonuam. "กรณีศึกษา : การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์." 2560. <a href="http://hdl.handle.net/11228/4726">http://hdl.handle.net/11228/4726</a>. | |
.custom.total_download | 3289 | |
.custom.downloaded_today | 0 | |
.custom.downloaded_this_month | 19 | |
.custom.downloaded_this_year | 344 | |
.custom.downloaded_fiscal_year | 51 | |