• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การศึกษาประสิทธิภาพของยาไอเวอร์เมคตินเปรียบเทียบกับยาไฮด้อกซี่คลอโรควินร่วมกับดารุนาเวียร์/ริโตนาเวียร์ในการลดระยะเวลาการตรวจพบเชื้อ SAR-CoV2 จากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ไม่แสดงอาการ

ยุพิน ศุพุทธมงคล; Yupin Suputtamongkol; รุจิภาส สิริจตุภัทร; Rujipas Sirijatuphat; สุสัณห์ อาศนะเสน; Susan Assanasen; เมธี ชยะกุลคีรี; Methee Chayakulkeeree; ณสิกาญจน์ อังคเศกวินัย; Nasikarn Angkasekwinai; เสาวลักษณ์ ศิลปสาคร; Saowaluk Silpasakorn; เอกรัฐ วงศ์สวัสดิ์; Ekkarat Wongsawat; เดชาธร รัศมีกุลธนา; Dechatorn Rassamekulthana; ณัฐวุฒิ รุ่งเกียรติ์เตชากร; Nuttawut Rongkiettechakorn; เอนก มุ่งอ้อมกลาง; Anek Mungaomklang; สิรีธร นิมิตวิไล; Sireethorn Nimitvilai; อุษณีย์ พูลวิวัฒน์ชัยการ; Ussanee Poolvivatchaikarn;
วันที่: 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยแบบสุ่ม ไม่ปกปิด ในผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 ซึ่งไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของยาไอเวอร์เมคตินขนาดสูง (600 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม) วันละครั้งนาน 3 วัน (กลุ่ม A) จำนวน 57 ราย กับยาไฮด้อกซี่คลอโรควินและยาดารุนาเวียร์/ริโตนาเวียร์ (กลุ่ม B) ร่วมกันนาน 5 วัน จำนวน 56 ราย โดยมียาซิงค์ซัลเฟตเป็นยาเสริมทั้ง 2 กลุ่ม การวิจัยนี้ดำเนินการรับผู้ติดเชื้อเข้าร่วมโครงการระหว่างเดือนธันวาคม 2563 ถึงเดือนเมษายน 2564 ผลทางคลินิก พบว่า ยาทั้งหมดที่ใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อมีความปลอดภัย พบอาการข้างเคียงไม่แตกต่างกันในสองกลุ่ม (4 ครั้งในกลุ่ม A และ 10 ครั้งในกลุ่ม B ตามลำดับ) แต่มีผู้ติดเชื้อในกลุ่ม B จำนวน 2 ราย ถอนตัวจากการวิจัย เนื่องจากอาการข้างเคียง คือ อาเจียน 1 ราย และมีผื่นคันตามตัว 1 ราย ผลการติดตามอาการทางคลินิกพบ ผู้ติดเชื้อ 3 ราย (กลุ่ม A จำนวน 2 ราย และกลุ่ม B จำนวน 1 ราย) ที่มีอาการแย่ลงและได้รับการรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ ผู้ติดเชื้อทุกรายกลับจากโรงพยาบาลได้ตามกำหนดกักตัวและอาการปกติเมื่อมาติดตามการรักษาหลังครบเวลากักตัวที่บ้าน ผลการศึกษาทางไวรัสวิทยา พบว่า ไวรัส SARS-CoV-2 ที่พบเป็นสายพันธุ์ B.1.36.16 ทั้งหมด ยกเว้นมีสายพันธุ์แอลฟา (B.1.1.7) เพียง 7 ราย จากผู้ร่วมโครงการในเดือนเมษายน 2564 แต่พบว่า มีผู้ติดเชื้อซึ่งตรวจไม่พบเชื้อจาก RT-PCR แล้วจำนวน 29 ราย ก่อนการรักษา (13 ราย และ 16 ราย ในกลุ่ม A และกลุ่ม B ตามลำดับ) ในกลุ่มที่ยังพบเชื้อด้วย RT- PCR ก่อนการรักษา ค่าเฉลี่ย Ct of N gene ไม่แตกต่างกัน มีผู้ติดเชื้อ 18 ราย พบเชื้อ SARS-CoV-2 ได้จากการเพาะเชื้อก่อนการรักษา (กลุ่ม A และกลุ่ม B จำนวน 10 ราย และ 8 ราย ตามลำดับ) โดยพบค่า mean (SD) ของ Ct of N gene = 22.54 (2.76) โดยรายที่เพาะเชื้อได้มีค่า Ct of N gene ต่ำสุด คือ 13.99 และรายที่มีค่า Ct of N gene สูงสุด คือ 35.99 ผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ไม่มีรายใดที่เพาะเชื้อได้ซ้ำหลังการรักษา อย่างไรก็ตามมีผู้ติดเชื้อฯ 2 ราย ในกลุ่ม A ซึ่งเพาะเชื้อไม่ได้ก่อนการรักษาแต่เพาะเชื้อได้หลังเริ่มการรักษา 5 วัน โดยผู้ติดเชื้อ 1 ราย เพาะเชื้อได้ 2 ครั้งหลังการรักษา 5 วัน และ 7 วัน ตามลำดับ การวิเคราะห์แบบ modified intention to treat พบว่า ระยะเวลาเฉลี่ยหลังการคัดกรองก่อนการกักตัวจนพบ Ct of N gene undetected / มากกว่า 30 ของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน (6 วัน 95%CI 5.3 - 6.7 วัน และ 7 วัน 95%CI 5.4 - 8.6 วัน ในกลุ่ม A และกลุ่ม B ตามลำดับ P = 0.419) โดยสรุปผลการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งพบว่า ผู้ติดเชื้อทั้งสองกลุ่มมีระยะเวลาการพบเชื้อในปริมาณที่น่าจะไม่แพร่กระจายเชื้อได้แล้วหลังการรักษาประมาณ 1 สัปดาห์ไม่แตกต่างกัน โดยไม่มีหลักฐานว่า ยาที่ใช้รักษาในกลุ่ม B ซึ่งเป็นกลุ่มควบคุมมีประสิทธิภาพและพบหลักฐานการเพาะเชื้อ SARS-CoV-2 ได้หลังผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาด้วยยาไอเวอร์เมคติน ร่วมกับผลการศึกษาทางคลินิกขนาดใหญ่ซึ่งเพิ่งตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ สรุปได้ว่า ยาไอเวอร์เมคตินน่าจะไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโควิด 19
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hs2711.pdf
ขนาด: 1.247Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 0
ปีงบประมาณนี้: 1
ปีพุทธศักราชนี้: 0
รวมทั้งหมด: 38
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2471]

    งานวิจัย


DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [619]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [99]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [125]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [159]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1283]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [228]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [20]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV