Show simple item record

The 2nd National Health Literacy Survey of Thai Population Aged 15 Years and Above, 2023. Advancing Health Literacy in Thailand: A National Assessment of Current Situation, Determinants, and Policy Recommendation

dc.contributor.authorศุภฤกษ์ สื่อรุ่งเรืองth_TH
dc.contributor.authorSuparerk Suerungruangth_TH
dc.contributor.authorกิ่งพิกุล ชำนาญคงth_TH
dc.contributor.authorKingpikul Chamnankongth_TH
dc.contributor.authorมณฑล หวานวาจาth_TH
dc.contributor.authorMontol Wanwajath_TH
dc.contributor.authorสายชล คล้อยเอี่ยมth_TH
dc.contributor.authorSaichon Kloyiamth_TH
dc.date.accessioned2024-11-26T04:15:48Z
dc.date.available2024-11-26T04:15:48Z
dc.date.issued2567-11
dc.identifier.otherhs3208
dc.identifier.urihttp://hdl.handle.net/11228/6197
dc.description.abstractความเป็นมาและความสำคัญ: ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy; HL) เป็นทักษะของบุคคลในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อตัดสินใจดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาสุขภาวะของประชากร วัตถุประสงค์: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสถานการณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพในระดับเขตสุขภาพและประเทศตามทักษะความรู้ด้านสุขภาพและบริบทที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพที่ดีตลอดช่วงวัย 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและสังคมกับความรอบรู้ด้านสุขภาพ เพื่อระบุกลุ่มประชากรกลุ่มเสี่ยง 3) สร้างความตระหนักแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเรื่องอิทธิพลของความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อความสำเร็จของการดำเนินงานสาธารณสุขในประเทศ วิธีการศึกษา: ใช้ข้อมูลจากโครงการสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนไทย พ.ศ. 2566 (ครั้งที่ 2) ซึ่งเป็นการสำรวจครัวเรือนด้วยการสุ่มตัวอย่างแบบขั้นลำดับสามระดับ ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน พ.ศ. 2566 มีกลุ่มตัวอย่างรวม 17,780 ราย ด้วยเครื่องมือแบบสำรวจ HLS-TH-Q17 จำนวน 17 ข้อคำถาม ร่วมกับการทบทวนวรรณกรรมและการระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติวิเคราะห์ และการจัดเวทีคืนข้อมูลเพื่อส่งเสริมการตระหนักรู้และการฝึกใช้ข้อมูลการสำรวจสำหรับวางแผนและพัฒนางานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ผลการศึกษา: ร้อยละ 80.9 ของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มี HL ที่เพียงพอ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละเขตสุขภาพ (ร้อยละ 59.4 ถึง 96.8) ประเด็น “ผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพ” “การดูแลรักษากรณีฉุกเฉิน” และ “สุขภาพช่องปาก” เป็นประเด็นที่ได้คะแนนเฉลี่ยน้อยที่สุด (2.95-2.99 คะแนน จากคะแนนเต็ม 4 คะแนน) ขณะที่ “การใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจ” เป็นทักษะ HL ของคนไทยที่ได้คะแนนค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด (3.03 คะแนน) ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและสังคมกับความรอบรู้ด้านสุขภาพนั้น พบว่ากลุ่มเสี่ยงของผู้ที่มี HL ไม่เพียงพอ ได้แก่ ผู้ที่มีข้อจำกัดของการเข้าถึงข้อมูลรวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ผู้ที่มีข้อจำกัดในการอ่าน ผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอหรือขัดสน ผู้ที่ไม่ได้เข้าเรียน ผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาล มีการรายงานสถานะสุขภาพของตนเองว่าแย่-แย่มาก การมีความพิการหรือข้อจำกัดในการดำรงชีวิตด้านใดด้านหนึ่ง การมีโรคไม่ติดต่อเรื้อรังโรคใดโรคหนึ่ง ผู้ที่ไม่ได้รับการจ้างงาน และผู้สูงอายุ สำหรับความตระหนักเรื่องอิทธิพลของความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อความสำเร็จของการดำเนินงานสาธารณสุขในประเทศนั้น พบว่า เจ้าหน้าที่จากกรมอนามัยทั้งจากส่วนกลางและจากศูนย์อนามัยที่ 1 – 12 และสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 37 จังหวัด กรมต่าง ๆ จากกระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวม 88 คน เข้าร่วมรับฟังแนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูล และได้จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับเขตสุขภาพ (policy brief) จำนวน 13 ข้อเสนอด้วยกัน โดยส่วนใหญ่มุ่งเน้นการยกระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุในมิติของการเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ ด้วยการปรับรูปแบบ ช่องทาง และวิธีการสื่อสารข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อบุคคลมากขึ้น เช่น นักอาสารอบรู้ชุมชน อสม. เป็นต้น สรุปผลการศึกษา: ในปี พ.ศ. 2566 พบประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ร้อยละ 80.9 มี HL ที่เพียงพอ นอกจากนี้ ปัจจัยด้านประชากร เศรษฐกิจสังคม และด้านสุขภาพ สัมพันธ์กับระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และการคืนข้อมูลให้กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและฝึกการใช้ข้อมูลการสำรวจฯ ช่วยให้เกิดความตระหนัก อีกทั้งเจ้าหน้าที่สามารถนำผลการศึกษาไปพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ตนเองมากขึ้น ข้อเสนอแนะ: 1) พัฒนานโยบายและมาตรการส่งเสริม HL แบบบูรณาการ โดยเน้นกลุ่มเสี่ยง 2) ปรับปรุงระบบข้อมูลสุขภาพให้เข้าถึงง่ายและเข้าใจง่าย 3) สร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนา HL 4) เพิ่มการให้ความรู้และทักษะเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพ การดูแลรักษากรณีฉุกเฉิน และสุขภาพช่องปาก 5) พัฒนาโปรแกรมเฉพาะสำหรับกลุ่มเสี่ยงที่มี HL ต่ำth_TH
dc.description.sponsorshipสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขth_TH
dc.language.isothth_TH
dc.publisherสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขth_TH
dc.rightsสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขth_TH
dc.subjectHealth Literacyth_TH
dc.subjectความรอบรู้ด้านสุขภาพth_TH
dc.subjectการสื่อสารสาธารณสุขth_TH
dc.subjectการสื่อสารทางการแพทย์th_TH
dc.subjectระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems)th_TH
dc.titleการสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2566 (ครั้งที่ 2) การส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในประเทศไทย: การประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน ปัจจัยกำหนด และข้อเสนอเชิงนโยบายth_TH
dc.title.alternativeThe 2nd National Health Literacy Survey of Thai Population Aged 15 Years and Above, 2023. Advancing Health Literacy in Thailand: A National Assessment of Current Situation, Determinants, and Policy Recommendationth_TH
dc.typeTechnical Reportth_TH
dc.description.abstractalternativeBackground: Health Literacy (HL) is a crucial skill for individuals to access, understand, and use health information to make appropriate health decisions, which is essential for improving population health outcomes. Objectives: This study aimed to 1) assess the current HL situation among Thai people aged 15 and above, 2) analyze factors influencing HL to identify at -risk population groups, and 3) raise awareness among relevant stakeholders on the influence of health literacy on the effectiveness of the implementation of public health interventions. Methods: Data from the 2nd National Health Literacy Survey of Thai Population Aged 15 Years and Above (2023) was used, along with literature review and expert consultations. The survey employed a three-stage stratified sampling method, with a sample size of 17,780 respondents. The HLS-TH-Q17 questionnaire was used as the survey instrument. Descriptive and analytical statistics were utilized for data analysis. A stakeholder meeting was organized to raise awareness among relevant stakeholders and simulate the use of the survey findings for planning and improving health promotion and prevention interventions. Results: 80.9% of Thai people aged 15 and above had adequate HL, with significant variations across health regions (59.4% to 96.8%). "Pharmaceutical and health products," "Emergency care," and "Oral health" were the lowest-scoring health system topics (2.95 – 2.99 points of 4 points). "Using information for decision-making" was the lowest-scoring HL skill (3.03 points). At-risk groups for inadequate HL included those with limited access to information, low income, no formal education, poor self-reported health status, chronic diseases, unemployment, and the elderly. Awareness was raised among 88 representatives from the department of health, ministry of public health, provincial health offices, the ministry of social development and human security, the ministry of labour, the ministry of education, and the ministry of digital economy and society. 13 policy briefs were produced to improve health literacy in relevant settings. Elderly people were the most mentioned targets for health literacy improvements focusing on the ability to access reliable health information through health volunteers. Conclusion: in 2023, 80.9 percent of aged 15 years and above Thai population had adequate health literacy. Demographic, socio-economic, and health related factors were associated with health literacy. Stakeholder meetings could help raise awareness and the use of the survey findings for developing area – specific policies. Recommendations: 1) Focus on those with risk factors when developing policies and interventions to improve health literacy through multidisciplinary approaches, 2) improve simplicity and understandability of existing health information, 3) enhance collaborations among relevant stakeholders, 4) improve knowledge and skills needed for use of health related products and medicine, emergency services, and oral health services, 5) develop population at risk specific programs to improve health literacy.th_TH
dc.identifier.contactno66-068
.custom.citationศุภฤกษ์ สื่อรุ่งเรือง, Suparerk Suerungruang, กิ่งพิกุล ชำนาญคง, Kingpikul Chamnankong, มณฑล หวานวาจา, Montol Wanwaja, สายชล คล้อยเอี่ยม and Saichon Kloyiam. "การสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2566 (ครั้งที่ 2) การส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในประเทศไทย: การประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน ปัจจัยกำหนด และข้อเสนอเชิงนโยบาย." 2567. <a href="http://hdl.handle.net/11228/6197">http://hdl.handle.net/11228/6197</a>.
.custom.total_download146
.custom.downloaded_today4
.custom.downloaded_this_month127
.custom.downloaded_this_year146
.custom.downloaded_fiscal_year146

Fulltext
Icon
Name: hs3208.pdf
Size: 9.535Mb
Format: PDF
 

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record