บทคัดย่อ
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศจาก PM2.5 ที่เกินมาตรฐานทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตสุขภาพที่ 8 (จังหวัดนครพนม และจังหวัดหนองคาย) ที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินระบบเฝ้าระวัง PM2.5 ในจังหวัดนครพนมและจังหวัดหนองคาย ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เพื่อพัฒนานโยบายและแนวทางการดำเนินงาน และเป็นกรณีศึกษาสำหรับเขตสุขภาพที่ 8 การศึกษานี้ใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน โดยสัมภาษณ์เชิงลึกกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้เกี่ยวข้อง และทบทวนเวชระเบียนผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ถึง 31 มีนาคม พ.ศ. 2566 ใน 2 จังหวัด ผลการศึกษาเชิงคุณภาพพบว่า ระบบเฝ้าระวังมีการยอมรับสูง เนื่องจากความกังวลของสาธารณชนเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ ระบบมีความง่ายและยืดหยุ่นที่เหมาะสม แต่เกณฑ์การวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5 ไม่ชัดเจน ส่งผลกระทบต่อการวิเคราะห์และความถูกต้องของข้อมูล ผลการศึกษาเชิงปริมาณพบว่า จังหวัดนครพนมจากเวชระเบียน 485 ฉบับ ที่เข้าเกณฑ์ ICD-10 มี 442 ฉบับตรงตามนิยามการรายงาน และ 355 ฉบับ ตรงตามนิยามโรค ระบบมีความครอบคลุมสูง (90.70%) แต่ค่าพยากรณ์บวกปานกลาง (76.30%) และไม่พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างระดับ PM2.5 กับจำนวนผู้ป่วย ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยอื่นที่มีผลต่อโรคระบบทางเดินหายใจ และจังหวัดหนองคายจากการทบทวนเวชระเบียนจำนวน 345 ฉบับ ตรงตามนิยามจำนวน 181 เวชระเบียน มีค่าความไว ร้อยละ 100 ค่าพยากรณ์บวก ร้อยละ 53.08 ข้อมูลอายุ เพศ สัญชาติ มีความครบถ้วนของข้อมูล ร้อยละ 100 แต่ข้อมูลรหัสโรค ICD-10 มีความครบถ้วนของข้อมูลร้อยละ 98.84 ข้อมูลอายุ เพศ สัญชาติ และข้อมูลรหัสโรค (ICD-10) มีความถูกต้องของข้อมูลร้อยละ 97.97, 92.46, 98.26 และ 94.78 ตามลำดับ และข้อมูลอายุ เพศ และวันที่เข้ารับบริการมีความเป็นตัวแทน สรุปได้ว่า ระบบเฝ้าระวัง PM2.5 ใน 2 จังหวัด มีประสิทธิภาพในระดับที่น่าพอใจ ด้วยความครอบคลุมสูงและความถูกต้องของข้อมูล อย่างไรก็ตาม ควรปรับปรุงเกณฑ์การวินิจฉัยโรคเกี่ยวข้องกับ PM2.5 การปรับปรุงเหล่านี้สามารถเพิ่มศักยภาพของระบบและนำไปสู่ผลลัพธ์ด้านสาธารณสุขที่ดีขึ้น
บทคัดย่อ
Thailand is facing air pollution problems from PM2.5 exceeding standard levels every year
in Health Region 8 (particularly in Nakhon Phanom and Nongkai provinces), which has been
significantly affected. This study aimed to evaluate the PM2 . 5 surveillance system in Nakhon
Phanom and Nongkai provinces both qualitatively and quantitatively to develop policies and
operational guidelines and to serve as a case study for Health Region 8. This research employed
a mixed-method approach by conducting in-depth interviews with public health officials and
stakeholders and reviewing medical records of patients suspected of PM2.5 -related diseases at
2 provinces between October 1, 2020, and March 31, 2023.
The qualitative results found that the surveillance system has high acceptance due to
public concern over air pollution. The system is appropriately simple and flexible, but unclear
diagnostic criteria for PM2.5 - related diseases affect data analysis and accuracy. Nakhon Phanom
province, the quantitative results showed that out of 485 medical records meeting the ICD-10
criteria, 4 4 2 matched the reporting definitions, and 3 5 5 matched the disease definitions.
The system has high coverage (90.70%) but a moderate positive predictive value (76.30 % ) .
No clear correlation was found between PM2.5 levels and the number of patients, possibly due to
other factors affecting respiratory diseases. Nongkai province, a review of 345 medical records was
conducted, with 182 records meeting the definition of a patient. The sensitivity was 100%, and
the positive predictive value (PPV) was 53.08%. The data completeness for age, gender, and
nationality was 100%, while ICD-10 code completeness was 98.84%. The accuracy of the data for
age, gender, nationality, and ICD-10 codes was 97.97%, 92.46%, 98.26%, and 94.78%, respectively.
Additionally, the data for age, gender, and service date were representative.
In conclusion, the PM2.5 surveillance system in both provinces operate at a satisfactory
level with high coverage and data accuracy. However, the diagnostic criteria related to PM2.5
should be improved. These enhancements can increase the system's potential and improve
public health outcomes.