• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การศึกษาและพัฒนากลไกความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่ออภิบาลระบบสุขภาพท้องถิ่นภายใต้บริบทการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด

ปรีดา แต้อารักษ์; Preeda Taearak; วีระศักดิ์ เครือเทพ; Weerasak Krueathep; วิรุฬ ลิ้มสวาท; Wirun Limsawart; พีธากร ศรีบุตรวงษ์; Peethakorn Sribhudwong; ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา; Sakchai Kanjanawatana; ปรานอม โอสาร; Pranom Aosan; ศดานนท์ วัตตธรรม; Sadanon Wattatham; ศิริศักดิ์ เหล่าจันขาม; Sirisak Laochankham; เฉลิมพร วรพันธกิจ; Chalermphorn Worraphantakit; ไกรวุฒิ ใจคําปัน; Kraiwuth Jaikampan; ธวัชชัย เอกสันติ; Thawatchai Aeksanti; ดารินทร์ กําแพงเพชร; Darin Kamphaengphet; ศักดิ์ณรงค์ มงคล; Saknarong Mongkol; โกเมนทร์ ทิวทอง; Komain Tewtong; ภัชร์จิรัสม์ ธัชเมฆรัตน์; Pachjirat Thachmakerat; ศุมล ศรีสุขวัฒนา; Soomol Srisookwatana; จารึก ไชยรักษ์; Jaruek Chairak; วีรบูรณ์ วิสารทสกุล; Weeraboon Wisartsakul; จักรินทร์ สีมา; Jakkarin Seema;
วันที่: 2567-12
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบริบทความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ในกลไกการบริการด้านสุขภาพปฐมภูมิ และมุ่งพัฒนารูปแบบกลไกความร่วมมือระหว่าง อปท. ในการอภิบาลระบบสุขภาพ ภายใต้บริบทการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งทำให้ อบจ. และ อปท. อื่นสามารถร่วมมือกันจัดบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิได้ตรงกับปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และเปิดกว้างต่อการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ และกลไกสมัชชาสุขภาพในระดับพื้นที่ได้กว้างขวาง ระเบียบวิธีศึกษาครอบคลุมวิธีการเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ และดำเนินการผ่านการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) เพื่อทดลองพัฒนากลไกอภิบาลระบบสุขภาพปฐมภูมิให้กับ รพ.สต. ถ่ายโอนไปสังกัด อบจ. ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและบริบทปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ และติดตามประเมินผลการทดลองกลไกอภิบาลสุขภาพที่คณะผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น พื้นที่กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย อบจ. จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ อบจ.เชียงใหม่ อบจ.ขอนแก่น อบจ.นครราชสีมา อบจ.ปทุมธานี อบจ.ภูเก็ต และ อบจ.สงขลา ผู้ให้ข้อมูลหลักที่มีครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล ที่เป็นพื้นที่นำร่อง จำนวน 6 จังหวัด จำนวน 11 รพ.สต. 1 สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี (สอน.) คือ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อบจ. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) รพ.สต. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้นำชุมชน ผู้รับบริการ อปท. และสมัชชาสุขภาพในแต่ละจังหวัด ผลการวิจัยพบว่า กลไกอภิบาลสุขภาพปฐมภูมิเป็นสิ่งที่สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ โดยผ่านการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน และส่งผลดีต่อการยกระดับการให้บริการสุขภาพและระบบสนับสนุนของ รพ.สต./สอน. ถ่ายโอนทั้ง 12 แห่ง อย่างชัดเจน อาทิ การยกระดับคุณภาพบริการคลินิกทันตกรรมนอกเวลา การพัฒนาระบบรับส่งผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินและกรณีปกติ การลดความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุในชุมชน การพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพรายบุคคล การขยายขอบเขตการดูแลด้านสุขภาพให้ครอบคลุมระดับชุมชน เช่น สถานีสุขภาพชุมชนและศูนย์โฮมฮักรักษ์สุขภาพ และการพัฒนาเครือข่ายสุขภาพปฐมภูมิ (CUP Split) ทั้งนี้ รูปแบบและเป้าหมายในการดูแลด้านสุขภาพมีความหลากหลายในพื้นที่ตามความต้องการของประชาชนและปัญหาด้านสุขภาพ สามารถดูแลกลุ่มประชากรเป้าหมายได้ครอบคลุมมากกว่าเดิม การวิจัยครั้งนี้สะท้อนว่า การถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. มีส่วนสำคัญในการเพิ่มคุณภาพบริการสุขภาพปฐมภูมิโดยตรง และรัฐควรสนับสนุนและผลักดันการดำเนินการถ่ายโอนต่อไป และขจัดเงื่อนไขต่าง ๆ ทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของ รพ.สต. และ อบจ. ในการดำเนินภารกิจนี้

บทคัดย่อ
This research aims to explore intergovernmental relationships among key actors and local government authorities in community health promotion and to develop community health governance mechanisms that help to strengthen the efficacy of primary health care. The context of service devolution of sub-district health promotion hospitals (SHPH) to Provincial Administrative Organization (PAO) enables the sense of local community ownership and wide participation among key stakeholders such that SHPH better performs and provides meaningful and need-based primary health services. The research comprises several mixed methods; both quantitative and qualitative, and action research in order to experimenting need-based, innovative health services mechanisms at the 12 sampled SHPH units in six PAOs; namely, Chiang Mai PAO, Khon-Kaen PAO, Nakorn Ratchasima PAO, Patum Thanee PAO, Phuket PAO, and Songkhla PAO. After experimenting with 12 community-owned sandboxes in the sampled cases, output and outcome evaluations are also employed. Key data and informants incorporate public officials in several government agencies related to public health service functions of Thailand. This includes officials from six selected PAOs, Provincial Public Health Offices, District Public Health Offices, Community Hospitals, Sub-district Health Promotion Hospitals, Community heath volunteers, Civic leaders, Local authority, Patients, and Provincial health networks. Findings show that all twelve community health sandboxes are very effective in improving wide community engagement and quality of primary health services. For example, an expansion of after-hour dental services, emergency and non-emergency medical services in flood-prone areas, risk reduction in road accidents, the development of individual-level and provincial-level health records for planning and monitoring purposes, the establishment of community and village-level health stations, and the setting-up of community health networks (CUP Split). All these health-care initiatives fit very well the community context and public health conditions and help expand services to cover the wider numbers of vulnerable people. This research suggests that the devolution of primary health services and the SHPH to local authorities and the PAOs are beneficial to communal residents. Therefore, the State shall advocate further devolution of the SHPH and eradicate legal obstacles so that the SHPH and PAOs provide services in more effective and efficient manners in the near future.
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hs3217.pdf
ขนาด: 9.579Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 0
ปีงบประมาณนี้: 76
ปีพุทธศักราชนี้: 76
รวมทั้งหมด: 76
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2471]

    งานวิจัย


DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [619]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [99]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [125]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [159]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1283]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [228]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [20]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV