• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การประเมินผลเชิงพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ในพื้นที่นําร่อง

ปฤษฐพร กิ่งแก้ว; Pritaporn Kingkaew; ยศ ตีระวัฒนานนท์; Yot Teerawattananon; วรรณฤดี อิสรานุวัฒน์ชัย; Wanrudee Isaranuwatchai; นิธิเจน กิตติรัชกุล; Nitichen Kittiratchakool; วิลาวรรณ ล้วนคงสมจิตร; Vilawan Luankongsomchit; ขวัญพุทธา อรุณประเสริฐ; Kwanputtha Arunprasert; พรอุมา ราศรี; Pornuma Rasri; ปภาดา ราญรอน; Papada Ranron; ศุภสุดา โพธิ์โสรีย์; Supasuda Posoree; นิชาต์ มูลคำ; Nicha Moonkham; นุชพงศ์ จงโชติชัชวาลย์; Nuchapong Jongchotchatchawal; วิศวะ มาลากรรณ; Wissawa Malakan; วิลาสินี สำเนียง; Wilasinee Samniang; ธนกร เจริญกิตติวุฒ; Thanakorn Jalearnkittiwut; อานนท์ กุลธรรมานุสรณ์; Anond Kulthanmanusorn; ศรวณีย์ อวนศรี; Sonvanee Uansri; ศิริกัลยาณ์ สุจจชารี; Sirikanlaya Sujjacharee; พิสภาสินี พิศาลสินธุ์; Pispasinee Pisansin;
ป้ายกำกับ:
รายการแนะนำ
วันที่: 2568-01
บทคัดย่อ
นโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” เป็นนโยบายภาครัฐจากแผนขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับระบบบริการสุขภาพให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับและทุกสังกัด และมุ่งหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพปฐมภูมิ ที่สะดวก มีคุณภาพ รวดเร็ว ลดระยะเวลาการรอคอย ลดระยะเวลาเดินทาง สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลสุขภาพของตนเองเพื่อให้เกิดสุขภาพที่ดี อีกทั้งประชาชนผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิ 30 บาท) สามารถเลือกรับบริการสุขภาพปฐมภูมิจากหน่วยบริการสาธารณสุขภาครัฐและคลินิกเอกชนที่ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นการดำเนินงานในลักษณะนำร่อง 3 ระยะ โดยปลายปี พ.ศ. 2567 มี 46 จังหวัดที่เริ่มดำเนินงานตามนโยบายนี้ โครงการนี้ใช้แนวคิดการประเมินเชิงพัฒนา (developmental evaluation) ซึ่งเป็นการประเมินเพื่อพัฒนานโยบายที่อยู่ในระหว่างการดำเนินงานที่เป็นนโยบายเกิดขึ้นใหม่ มีความซับซ้อนและเป็นพลวัตไม่หยุดนิ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และประเมินผลลัพธ์ของนโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ในพื้นที่นำร่องและพัฒนาข้อเสนอแนะในการปรับปรุงนโยบายให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศ โดยคณะผู้วิจัยและผู้ทำงานจะทำงานร่วมกัน (co-creation) เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาข้อแนะนำอย่างทันท่วงทีตลอดระยะเวลาการประเมิน ซึ่งคณะผู้วิจัยได้เป็นส่วนหนึ่งในคณะทำงานกำกับ ติดตาม และประเมินผลโครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข สภาวิชาชีพ ผู้ดำเนินนโยบายในพื้นที่ และนักวิชาการที่ร่วมประเมินผลนโยบาย กลไกนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดข้อมูลย้อนกลับ (feedback loop) เพื่อทำความเข้าใจปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินนโยบาย และหาแนวทางการดำเนินงานเพื่อพัฒนานโยบายในช่วงต้นของการดำเนินงาน คณะผู้วิจัยได้นำทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง (theory of change) มาใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือการมองเป้าหมายของนโยบายจากกลุ่มผู้กำหนดนโยบายและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดนำร่องระยะที่ 1 ซึ่งเป็นการมองภาพกว้างเพื่อคาดการณ์ผลกระทบทางเชิงบวกและเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบาย และใช้เป็นข้อมูลนำเข้าเพื่อการสำรวจและการสัมภาษณ์ผู้รับบริการ ผู้ให้บริการและภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อประเมินผลด้วยระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (mixed-methods research) ทั้งวิธีวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเพื่อตอบโจทย์เรื่องผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นกับผู้รับบริการ ผู้ให้บริการและระบบสาธารณสุข ปัจจัยที่ส่งเสริม/เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานเพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่อื่น ๆ และต้นทุนต่อหน่วยการบริการสำหรับเตรียมเป็นข้อมูลนำเข้าแก่ผู้กำหนดนโยบายในการพิจารณาอัตราเบิกจ่ายที่เหมาะสม

บทคัดย่อ
In 2024, the Ministry of Public Health introduced a flagship government policy titled “30-Baht Treatment Everywhere with a National ID Card.” This initiative was designed to integrate personal health records (PHR) across public health facilities nationwide. The policy aimed to improve access to convenient, high-quality primary healthcare, reduce travel and waiting times, and empower citizens to leverage their health data for better health and well-being. Under the Universal Coverage Scheme (UCS), Thai citizens could access healthcare services at both public facilities and registered private clinics covered by the National Health Security Office (NHSO). The policy was implemented in three pilot phases, with 46 provinces participating by the end of 2024. Developmental Evaluation (DE) was employed as an approach particularly suited to assessing complex, dynamic, and emerging policies during their implementation phase. The objectives of this study were to explore and evaluate policy outcomes in pilot areas and to develop context-specific recommendations for policy improvement. Using a co-creation approach, evaluators and stakeholders worked collaboratively to provide timely feedback throughout the evaluation period. The research team, as part of the NHSO's monitoring and evaluation committee, worked closely with representatives from the Ministry of Public Health, health professional councils, implementers, and academics. This collaborative structure enabled a timely feedback loop, facilitating the identification of implementation challenges and the proposal of practical solutions during the early stages of policy deployment. The Theory of Change (TOC) was employed as a tool to capture the perceptions of policy goals from the perspectives of both policymakers and implementers during the first phase in the pilot provinces. It also helped identify potential positive and negative impacts of policy implementation and informed the design of data collection methods. The study adopted a mixed-methods research approach, integrating qualitative and quantitative methodologies to evaluate the policy's effects on healthcare providers, patients, and the healthcare system. Additionally, the research examined factors that facilitated or hindered implementation readiness in other areas, as well as the unit cost of service provision, to provide policymakers with insights for determining appropriate reimbursement rates.
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hs3255.PDF
ขนาด: 2.828Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 22
ปีงบประมาณนี้: 149
ปีพุทธศักราชนี้: 149
รวมทั้งหมด: 149
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Recommended Items [11]

    งานวิจัยแนะนำ

  • Research Reports [2478]

    งานวิจัย


DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [620]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [100]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [126]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [159]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1288]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [229]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [21]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV