• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิเพื่อป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจร โดยเภสัชกรเครือข่ายร้านยาภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศไทย

สุณี เลิศสินอุดม; Sunee Lertsinudom; วีรศักดิ์ แผ่นเงิน; Weerasak Panngern; เพียงขวัญ ศรีมงคล; Piangkwan Srimongkhol;
วันที่: 2568-08
บทคัดย่อ
ที่มาและความสำคัญ: โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบทั้งด้านคุณภาพชีวิตของประชาชนและภาระค่าใช้จ่ายของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การป้องกันและชะลอโรคไตในระยะเริ่มต้นจึงมีความสำคัญโดยเฉพาะในระดับบริการปฐมภูมิ อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานในระบบปัจจุบันยังมีข้อจำกัดด้านบุคลากร งบประมาณและการเข้าถึงบริการสุขภาพในการดูแลโรคไตเรื้อรังของประเทศไทย วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิแบบครบวงจรโดยบูรณาการบทบาทของเภสัชกรร้านยาเครือข่ายภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติในการป้องกันและชะลอไตเสื่อมในกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรังในประเทศไทย วิธีการศึกษา: การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed method) โดยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) ร่วมกับการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental study) ในกลุ่มตัวอย่างคือผู้รับบริการร้านยาในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในเขตสุขภาพที่ 7 ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ และมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรัง จำนวนทั้งสิ้น 1,000 คน การดำเนินการเก็บข้อมูลวิจัยระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งมีการพัฒนารูปแบบบริการป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจรโดยเภสัชกรเครือข่ายร้านยาภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทย โดยใช้รูปแบบการตรวจการคัดกรองการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะด้วยชุดตรวจ Microalbuminuria rapid test (MRT) หากพบผลตรวจเป็นบวกหรือการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะได้รับการตรวจอัตราการกรองของไต (Estimated glomerular filtration rate (eGFR)) และมีค่า eGFR น้อยกว่า 60 ml/min/1.73 m2 ซึ่งจะได้รับการส่งต่อการรักษาด้วยโรคไตเรื้อรังที่คลินิกโรคไตเรื้อรังในโรงพยาบาลในเครือข่ายบริการของกลุ่มเป้าหมาย หากผลตรวจเป็นลบหรือไม่พบการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะหรือมีค่า eGFR มากกว่า 60 ml/min/1.73 m2 ซึ่งจะได้รับการแนะนำปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตเพื่อชะลอไตเสื่อมโดยเภสัชกรร้านยา รวมถึงการติดตามเพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนด้วยการให้บริบาลเภสัชกรรมทางไกลและนัดติดตามผล MRT ในเดือนที่ 3 เพื่อดูการทำงานของไตหลังการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 72.0) มีอายุเฉลี่ย 61 ปี (S.D.= 8.5 ปี) ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 24.7 kg/m2 (S.D.=4.0) โดยมีภาวะน้ำหนักเกิน (ร้อยละ 73.0) ส่วนใหญ่อาสาสมัครมีค่าความดันโลหิตอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ (ร้อยละ 83) โดยมีค่าอัตราการกรองไตเฉลี่ย 75.1 ml/min/1.73 m2 (S.D.=4.4) ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อโรคไตเรื้อรัง ได้แก่ อายุเกิน 60 ปี (ร้อยละ 38) ความดันโลหิตสูง (ร้อยละ 24) และเบาหวาน (ร้อยละ 23) โดยไม่มีโรคประจำตัว (ร้อยละ 36) รองลงมาคือเบาหวาน (ร้อยละ 23) และความดันโลหิตสูง (ร้อยละ 22) มีโรคร่วมไม่เกิน 1 โรค (ร้อยละ 37) และไม่มีโรคร่วม (ร้อยละ 35) ผลการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรังจำนวน 1,000 คน พบการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะ จำนวน 205 คน (ร้อยละ 20.5) และไม่พบการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะ จำนวน 795 คน (ร้อยละ 79.5) ซึ่งต้องได้รับการแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อชะลอไตเสื่อมและติดตามผล MRT ในเดือนที่ 3 ส่วนกรณีที่พบการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะอย่างน้อย 20 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร จำนวน 205 คน จะได้รับการตรวจ eGFR พบว่าอาสาสมัครมีค่า eGFR มากกว่า 60 ml/min/1.73 m2 จำนวน 155 คน (ร้อยละ 75.6) และมีค่า eGFR น้อยกว่า 60 ml/min/1.73 m2 จำนวน 50 คน (ร้อยละ 24.4) ส่วนการตรวจครั้งที่ 2 พบการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะอย่างน้อย 20 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร จำนวน 107 คน จะได้รับการตรวจ eGFR พบว่าอาสาสมัครมีค่า eGFR มากกว่า 60 ml/min/1.73 m2 จำนวน 83 คน (ร้อยละ 77.6) และมี GFR น้อยกว่า 60 ml/min/1.73 m2 จำนวน 24 คน (ร้อยละ 22.4) ซึ่งอาสาสมัครที่ได้รับการส่งต่อการรักษาจำนวนทั้งสิ้น 74 คน โดยได้รับการวินิจฉัยด้วยโรคไตเรื้อรังและรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 24 คน (ร้อยละ 32.4) จะเห็นว่าหลังได้รับการแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตเพื่อชะลอไตเสื่อมจากเภสัชกรเป็นเวลา 3 เดือน มีผลลดการเกิดการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะจาก 205 คนเป็น 107 คน (ร้อยละ 47.8) ซึ่งการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไตเรื้อรัง การส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และการจัดการตนเอง ส่งผลให้ค่าอัตราการกรองของไตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) และกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจในภาพรวมต่อโครงการอยู่ในระดับมาก (คะแนนเฉลี่ย 4.93, S.D.=0.30) ข้อสรุปและอภิปรายผล: การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิโดยเภสัชกรร้านยาเพื่อการคัดกรอง ให้คำปรึกษา ติดตาม และส่งต่อผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น มีความเป็นไปได้และให้ผลลัพธ์เชิงบวกทั้งในด้านผลลัพธ์ทางคลินิก พฤติกรรมสุขภาพ และความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ซึ่งการเพิ่มบทบาทเภสัชกรร้านยาในการป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังมีผลลดการรั่วของโปรตีนทางปัสสาวะและเพิ่มอัตราการกรองของไตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ดังนั้นรูปแบบนี้ควรได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านนโยบาย งบประมาณ และการพัฒนาศักยภาพเภสัชกร เพื่อขยายผลในระดับประเทศอย่างยั่งยืน ข้อเสนอเชิงนโยบายและการนำไปใช้ประโยชน์: จากการสังเคราะห์ข้อเสนอแนะจากเภสัชกรที่ร่วมในโครงการจำนวน 10 ร้านยา และตัวแทนสภาเภสัชกรรม ได้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ การส่งเสริมบทบาทร้านยาในการเป็นจุดให้บริการสุขภาพเชิงรุกในการคัดกรอง ป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและนโยบายการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง การพัฒนารูปแบบการคัดกรองและติดตามผู้ป่วย ให้สามารถปรับใช้ได้ในระดับชุมชนโดยเน้นการบูรณาการร่วมกับเภสัชกรและทีมสหวิชาชีพ โดยใช้การมีส่วนร่วมของชุมชน การสนับสนุนระบบข้อมูลสารสนเทศและการติดตามผล เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการดูแลต่อเนื่อง การติดตามผลลัพธ์ทางคลินิกและขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ และการเสนอแนะเกี่ยวกับบทบาทเภสัชกรชะลอการเกิดโรคไตเรื้อรังครบวงจรในร้านยาต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

บทคัดย่อ
Background and Rationale: Chronic Kidney Disease (CKD) is a significant public health issue in Thailand, with an increasing trend that negatively impacts patients’ quality of life and imposes a heavy financial burden on the Universal Health Coverage (UHC) system. Early-stage prevention and delay of kidney deterioration are essential, particularly at the primary care level. However, the current healthcare system faces limitations in workforce, budget, and access to care in managing CKD patients in Thailand. Objective: To develop an integrated primary care service model by involving community pharmacists under the UHC system to prevent and delay CKD progression in high-risk populations in Thailand. Methods: This mixed-method research employed both action research and a quasi-experimental study. The study population included 1,000 participants at high risk of CKD who were customers of community pharmacies under the UHC system in Health Region 7 (Roi Et, Khon Kaen, Maha Sarakham, and Kalasin). Data collection took place from November 2024 to May 2 0 2 5 . The intervention model integrated community pharmacists’ roles in CKD prevention, utilizing Microalbuminuria Rapid Test (MRT) for urine protein screening. Individuals with positive MRT results underwent estimated glomerular filtration rate (eGFR) testing. Those with eGFR < 60 ml/min/1.73 m² were referred to hospital nephrology clinics. Individuals with negative MRT or eGFR ≥ 60 ml/min/1.73 m² received lifestyle modification counseling from pharmacists, followed by remote pharmaceutical care and repeat MRT testing at 3 months. Results: The majority of participants were female (72.0%), with a mean age of 61 years (S.D. = 8.5). The average body mass index (BMI) was 24.7 kg/m² (S.D. = 4.0), with 73.0% classified as overweight. Most volunteers had controlled blood pressure levels (83.0%) and an average estimated glomerular filtration rate (eGFR) of 75.1 ml/min/1.73 m² (S.D. = 4.4). Major risk factors for chronic kidney disease (CKD) included age over 60 years (38.0%), hypertension (24.0%), and diabetes (23.0%). Among the participants, a total of 36.0% of participants had no underlying diseases, followed by those with diabetes (23.0%) and hypertension (22.0%). Regarding comorbidities, 37.0% had no more than one comorbid condition, and 35.0% had no comorbidities. Screening for high-risk individuals for CKD was conducted among 1,000 participants. Proteinuria was detected in 205 individuals (20.5%), while 795 individuals (79.5%) showed no signs of protein leakage. All individuals were provided with lifestyle modification advice to delay kidney function decline and were scheduled for follow-up testing using the Microalbuminuria Rapid Test (MRT) at the 3rd month. Among the 205 participants who initially had urine protein levels ≥20 micrograms per deciliter, eGFR testing revealed that 155 individuals (75.6%) had eGFR values greater than 60 ml/min/1.73 m², while 50 individuals (24.4%) had eGFR values below 60 ml/min/1.73 m². In the second round of testing, 107 individuals were found to have persistent proteinuria ≥20 micrograms per deciliter. Among them, 83 participants (77.6%) had eGFR values greater than 60 ml/min/1.73 m², and 24 participants (22.4%) had eGFR values below 60 ml/min/1.73 m². A total of 74 individuals were referred for further treatment, of which 24 (32.4%) were diagnosed with CKD and received care in hospital settings. Notably, after a 3-month intervention involving pharmacist-led behavioral modification counseling to slow CKD progression, the number of participants with proteinuria decreased from 205 to 107 (a reduction of 47.8%). The intervention, which included CKD education, promotion of healthy lifestyle changes, and self-management strategies, significantly improved kidney function as evidenced by statistically significant improvements in eGFR (p < 0.001). Overall, participants reported a high level of satisfaction with the program, with a mean satisfaction score of 4.93 (S.D. = 0.30). Conclusion and Discussion: The development of a primary care system integrating community pharmacists for CKD screening, counseling, follow-up, and referral is feasible and produces positive clinical and behavioral outcomes. Expanding the role of community pharmacists in CKD prevention significantly reduced proteinuria and improved eGFR (p<0.001). This model should be supported by national policies, budget allocation, and pharmacist capacity building to ensure sustainable scale-up nationwide. Policy Recommendations and Applications: Policy recommendations synthesized from feedback from 10 participating pharmacies and the Pharmacy Council include: promoting community pharmacies as proactive health service units for CKD screening and prevention under the UHC; developing adaptable community-level screening and follow-up models with multidisciplinary collaboration; ensuring community engagement; supporting health information systems for monitoring outcomes; and proposing a comprehensive pharmacist-based CKD prevention model to the National Health Security Office (NHSO).
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hs3287.pdf
ขนาด: 5.563Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 2
ปีงบประมาณนี้: 2
ปีพุทธศักราชนี้: 2
รวมทั้งหมด: 2
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2492]

    งานวิจัย

ชิ้นงานที่เกี่ยวข้อง

แสดงชิ้นที่เกี่ยวข้องโดย ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ผู้สร้าง และหัวเรื่อง

  • การจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับเด็กแรกเกิด - 5 ปี และพฤติกรรมการใช้บริการสุขภาพของเด็กภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 

    ประคิณ สุจฉายา; Prakin Suchaxaya; ศรีมนา นิยมค้า; อมรรัตน์ งามสวย (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2548)
    งานวิจัยมีวัตถุประสงค์ศึกษาการจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคสำหรับเด็กแรกเกิด-5 ปี และพฤติกรรมการใช้บริการสุขภาพของเด็กภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ศึกษาโดยการใช้แบบวิจัยเชิงพรรณนา และการสัมภาษณ์เจาะลึก ...
  • คู่มือ อสม. นักจัดการสุขภาพชุมชน การจัดการภาวะวิกฤต หลังการระบาดของโรคโควิด-19 

    สุรศักดิ์ สุนทร; Surasak Soonthorn; อัจฉราวดี ศรียะศักดิ์; Atcharawadee Sriyasak; ลัดดา เหลืองรัตนมาศ; Ladda Leungratanamart; จินตนา ทองเพชร; Jintana Tongpeth; ลักคณา บุญมี; Lakkana Boonmee; ธนิฏฐา ทองนาค; Thanittha Thongnak (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2565-03)
    อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นผู้มีความสำคัญในการดำเนินงานด้านจัดการสุขภาพชุมชนในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 โดยการคัดกรอง เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคในชุมชน นอกจากนี้ยังมีบทบาทเป็นผู้นำพฤติกรรมด้านสุขภาพอนามัย ...
  • คู่มือปฐมพยาบาลสุขภาพจิตและการดูแลสุขภาพจิตประชาชน 

    ฐิติพร สุแก้ว; Thitiporn Sukaew; นพพร ตันติรังสี; Nopporn Tantirangsee; พยงค์ เทพอักษร; Phayong Thepaksorn; ภัทรหทัย ณ ลำพูน; Pathathai Na Lumpoon; นภชา สิงห์วีรธรรม; Noppcha Singweratham; เยาวลักษณ์ มีบุญมาก; Yaowaluck Meebunmak; วันดี แสงเจริญ; Wandee Saengjarern; สันติ ประไพเมือง; Sunti Prapaimuang; กีรติ พลเพชร; Keerati Ponpetch; เพ็ญนภา กวีวงศ์ประเสริฐ; Pennapa Kaweewongprasert; ดาวรุ่ง คำวงศ์; Daoroong Komwong; อลิซาเบธ เคลลี่ ฮอม เทพอักษร; Elizabeth Kelly Hom Thepaksorn; นิสารัตน์ สงประเสริฐ; Nisarat Songprasirt; รวิษฎา บัวอินทร์; Rawisada Buain (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2566-12-25)
    ปัญหาสุขภาพจิตและโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญของประเทศไทย โดยพบว่าประชากร 1 ใน 5 มีปัญหาสุขภาพจิต นอกจากนั้น ปัญหาสุขภาพจิตมิใช่ส่งผลกระทบต่อเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงญาติ ผู้ดูแลและบุคคลในสังคม ปัญหาสุขภาพจ ...

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [622]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [100]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [287]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [126]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [160]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1296]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [233]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [21]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV