dc.contributor.author | สุณี วงศ์คงคาเทพ | en_US |
dc.coverage.spatial | ไทย | en_US |
dc.date.accessioned | 2008-11-03T03:39:28Z | en_US |
dc.date.accessioned | 2557-04-17T00:23:34Z | |
dc.date.available | 2008-11-03T03:39:28Z | en_US |
dc.date.available | 2557-04-17T00:23:34Z | |
dc.date.issued | 2549-07 | en_US |
dc.identifier.other | hs1402 | en_US |
dc.identifier.uri | http://hdl.handle.net/11228/632 | en_US |
dc.description.abstract | การพัฒนาระบบบริการและกำลังคนด้านทันตสุขภาพสู่อนาคต จำเป็นต้องทบทวนสถานการณ์ระบบบริการและระบบกำลังคนสุขภาพช่องปาก ตลอดจนปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาประเด็นส่วนขาดและช่องว่างของข้อมูลในการพัฒนากลยุทธ์ มาตการ และการวางแผนการพัฒนากำลังคนด้านทันตบุคลากรในอนาคต วัตถุประสงค์การทบทวนวรรณกรรมคือ 1) การจัดบริการสุขภาพช่องปากในหน่วยบริการระดับปฐมภูมิส่วนภูมิภาคและสถานการณ์กำลังคนด้านทันตบุคลากร ภายใต้นโยบายสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และ 2) จำนวนที่ต้องการและปัญหาความขาดแคลนทันตบุคลากรไทยในทุกระดับพื้นที่รวมชนบทห่างไกล เพื่อจัดทำประเด็นข้อเสนอการทำวิจัยที่เป็นส่วนขาดต่อไปในอนาคต ผลการทบทวนวรณกรรม
1. ปัญหาสุขภาพช่องปากที่สำคัญแบ่งได้ 2 ปัญหาคือ ปัญหาโรคฟันผุ ซึ่งพบปัญหาสูงในกลุ่มเด็กและปัญหาโรคปริทันต์ที่พบปัญสูงในกลุ่มผู้ใหญ่และสูงอายุ ทั้งขนาดและความรุนแรงของปัญหาสุขภาพช่องปากในทุกกลุ่มวัยมีปัญหาสูง แต่ประชาชนเข้าบริการทันตกรรมและบริการส่งเสริมป้องกันในระดับต่ำ เมื่อนำกลยุทธ์ในการส่งเสริมสุขภาพแนวใหม่ตามกฎบัตรออตตาวา เป็นกรอบความคิดในการจัดทำ มาตรการส่งเสริมและป้องกันสุขภาพช่องปาก จากกลยุทธ์และกิจกรรมหลักส่งเสริมและป้องกันสุขภาพในช่องปากในทุกกลุ่มวัย ส่วนใหญ่เป็นบริการที่ต้องดำเนินการในหน่วยบริการปฐมภูมิ ซึ่งต้องให้บริการทั้งในสถานบริการ ในชุมชน และทำงานเชิงรุกด้วยการออกเยี่ยมบ้าน เพื่อส่งเสริมและป้องกันสุขภาพช่องปากมีการดำเนินการอย่างทั่วถึง ที่ต้องประสานความร่วมมือจากผู้เกียวข้องทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน และองค์การท้องถิ่น
2. อัตราการมีหลักประกันสุขภาพของประชาชนไทย หลังประกาศนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าพบ ร้อยละ 95.5 ในปี 2546 แต่มีผู้ได้รับบริการทันตกรรมในรอบปี 2546 คิดเป็นร้อยละ 10.6 มีค่าเฉลี่ยการรับบริการทันตกรรม 1.6 ครั้ง/คน/ปี กลุ่มอายุที่มีผู้ใช้บริการทันตกรรมต่ำคือกลุ่มอายุ 0-4 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไป เท่ากับร้อยละ 4 และร้อยละ 8 ตามลำดับ ปัจจุบันยังขาดกลยุทธ์และแนวทางการพัฒนาในการเตรียมระบบบริการและกำลังคนสุขภาพช่องปาก ในการทำงานบูรณาการผสมผสานเชิงรุกกับการดูแลสุขภาพทั่วไปในหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ
3. อัตราการผลิตทันตแพทย์ปัจจุบันสามารถตอบสนองความต้องการทันตแทพย์ในอนาคต คาดประมาณการณ์ได้ว่า ปี 2563 (อีก 15 ปี) จะมีทันตแพทย์จำนวน 19,564 คน คิดเป็นสัดส่วนประชากรต่อทันตแพทย์ 1 คนเท่ากับ 3,167 คน ซึ่งเป็นจำนวนกำลังทันตแทพย์ที่เพียงพอในการจัดบริการสุขภาพช่องปากในอนาคต ขณะที่ความต้องการทันตาภิบาลในระบบบริการ โดยคำนวณตามจำนวนสถานีอนามัยที่พัฒนาเป็นศสช. ที่ได้กำหนดให้มีทันตาภิบาลอยู่ประจอย่างน้อยสถานีอนามัยละ 1 คน จำเป็นต้องมีทันตาภิบาลในสถานีอนามัย 98,000 คน จำนวนความต้องการทันตาภิบาลเพื่อปฎิบัติงานในการผลิตปี 29 ปี ในอนาคตอาจมีความจำเป็นต้องเพิ่มผลิตทันตาภิบาลเพื่อตอนสนองความต้องการของระบบบริการ ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนในเรื่องบทบาทด้านส่งเสิรมสุขภาพและปรับลดขอบเขตการรักษาพยาบาลอย่างง่ายของทันตาภิบาลลง
4. จากการทบทวนวรรณกรรมในต่างประเทศ พบว่ามาตรการแรงจูงใจด้านค่าตอบแทนแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มคือ (1) การตั้งอัตราค่าบริการขึ้นกับระดับความทุรกันดารของพื้นที่ (2) การให้เบี้ยเลี้ยงที่ไม่ต้องเสียภาษีแก่ผู้ที่ทำงานในเขตชนบทที่ทุรกันดารเป็นเวลา 4 ปี จำนวนเงินขั้นกับระดับความขาดแคลนแพทย์ทั่วไป/ทันตแพทย์ (3) การให้เงินทุนแก่นักศึกษาแพทย์ที่จะเข้าทำงานในเขตชนบทที่ทุรกันดาร (4) การให้เงินช่วยค่าศึกษาแก่แพทย์ทั่วไปที่ทำงานในเชตชนบทที่ทุรกันดาร (5) การให้เบี้ยเลี้ยงเพิ่มพิเศษแก่ผู้ที่ทำงานในเขตที่ทุรกันการระดับสูงสุด โดยอัตราค่าตอบแทนขึ้นกับสถานที่ทำงานและจำนวนผู้ที่แพทย์ทันตแพทย์ ที่ต้องอุปถัมภ์ และ (6) เงินค่าเดินทางขนย้ายในการเข้าทำงานในเขตทุรกันดาร สำหรับประเทศไทยพบว่า แรงจูงใจด้านค่าตอบแทนไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อการกระจายทันตแพทย์ ระหว่างเขตเมืองและเขตชนบทได้ในระยะยาว แรงจูงใจโดยเบี้ยเลี้ยงพิเศษมีผลต่อทันตแพทย์จบใหม่เข้าทำงานในเชตชุมชนในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นมาตรการที่ผ่ามมาส่วนใหญ่เน้นในเพื่อจูงให้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์เป็นเพียงการชะลอการลาออกของทันตแพทย์ในพื้นที่ชนบทได้ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นการพัฒนามาตรการแก้ไขปัญหาการกระจายทันตแพทย์และมาตรการการจูงใจให้ทันตแพทย์ปฏิบัติงานในพื้นที่ชนบท ถือเป็นประเด็นสำคัญและเร่งด่วนในการดำเนินการ | en_US |
dc.description.sponsorship | มูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ,
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ | en_US |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | en_US |
dc.rights | สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | en_US |
dc.subject | กำลังคนด้านสุขภาพ | en_US |
dc.subject | ระบบบริการสุขภาพ | en_US |
dc.subject | ทันตแพทย์ | en_US |
dc.subject | อนามัยช่องปาก | en_US |
dc.subject | Health Manpower | en_US |
dc.subject | Health Service Systems | en_US |
dc.subject | Dentists | en_US |
dc.subject | การบริการสาธารณสุข | en_US |
dc.subject | กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) | th_TH |
dc.subject | ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) | th_TH |
dc.title | สถานการณ์การกระจายทันตแพทย์ไทย และสถานการณ์กำลังคนในการจัดบริการสุขภาพช่องปากในหน่วยบริการปฐมภูมิ | en_US |
dc.type | Technical Report | en_US |
dc.identifier.callno | WU77 ส764ส 2549 | en_US |
dc.identifier.contactno | 50ข010 | en_US |
dc.subject.keyword | ทันตแพทย์ไทย | en_US |
dc.subject.keyword | กำลังคนด้านทันตสุขภาพ | en_US |
.custom.citation | สุณี วงศ์คงคาเทพ. "สถานการณ์การกระจายทันตแพทย์ไทย และสถานการณ์กำลังคนในการจัดบริการสุขภาพช่องปากในหน่วยบริการปฐมภูมิ." 2549. <a href="http://hdl.handle.net/11228/632">http://hdl.handle.net/11228/632</a>. | |
.custom.total_download | 410 | |
.custom.downloaded_today | 0 | |
.custom.downloaded_this_month | 0 | |
.custom.downloaded_this_year | 19 | |
.custom.downloaded_fiscal_year | 3 | |