บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานตามความคิดเห็นของผู้ป่วยเบาหวานในเขตอำเภอโซ่พิสัย จังหวัดหนองคาย และศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเอง กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยเบาหวานที่ขึ้นทะเบียนและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโซ่พิสัย จำนวน 400 คน ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรใช้ไฆ-สแควร์ และวิเคราะห์ระดับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรใช้สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน จากการวิจัยพบว่าการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน ตามความคิดเห็นของผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาลโซ่พิสัย จังหวัดหนองคาย โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อทำการวิเคราะห์เป็นรายด้าน พบว่าด้านที่ผู้ป่วยเบาหวานมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองมากที่สุด คือ การควบคุมอาหาร รองลงมาคือ การมีส่วนร่วมในการออกกำลังกาย และการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองในชีวิตประจำวัน ส่วนด้านที่มีส่วนร่วมน้อยที่สุดคือ การดูแลเท้า ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านคุณลักษณะส่วนบุคคล ด้านเศรษฐกิจและสังคม ด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร กับการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเอง พบว่า เพศไม่มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานโดยรวม เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายด้านไม่พบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในทุกด้าน อายุไม่พบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายด้านไม่พบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในทุกด้าน ระดับการศึกษาพบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองโดยรวม เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่พบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วม ได้แก่ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการดูแลตนเองในชีวิตประจำวัน รายได้ไม่พบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานโดยรวม เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายด้านไม่พบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในทุกด้าน อาชีพพบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่พบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วม ได้แก่ ด้านการควบคุมอาหาร ปัจจัยด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร พบความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานโดยรวม เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายด้านพบว่ามีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในทุกด้าน
บทคัดย่อ
The purpose of this research was to study the level of self-care participation of diabetes
patients according to the opinions of those patients in Sophisai District, Nongkhai Province,
and to study the factors of the correlation and self-care participation. The sample included
400 diabetes patients who had been registered by Sophisai Hospital and cured. A
survey questionnaire was administered to the participants. The study utilized the SPSS program,
with statistics on percentage, mean and standard deviation, including the chi-square
for correlation with normal scale and interval scale factors and utilized the Cramer ’s V coefficient
for ratio scale. The results of the study showed that the self-care participation of diabetes
patients according to their opinion was at the medium level. The analysis of sectors
found that the most common self-care participation of diabetes patients was diet; the next
were exercise and self-care participation in daily life. The least common form of participation
was foot care.
The correlation between the factors related to personal characteristics, economics and
social aspects and self-care participation found that: there was no correlation for sex in the
self-care participation of diabetes patients as a whole nor was there any correlation with
participation in every side when considering sectors.
There was no correlation in age for the self-care participation of diabetes patients, nor
was there any correlation with the participation when considering sectors.
There was correlation in education for self-care participation as a whole; when considering
sectors, but there was correlation with participation, namely diet, exercise and selfcare
in daily life.
There was no correlation in income for self-care participation of diabetes patients as a
whole, nor was there any correlation with participation in considering sectors.
There was correlation in occupation for the self-care participation of diabetes patients,
when considering the sectors; the correlation with was in diet.
There was correlation in the factors of receiving information about self-care participation
as a whole, and there was correlation with participation in every aspect when considering
sectors.
The study would be applied in planning for good-quality services, supporting the
diabetes patients for self-care participation, emphasizing communication. Providing knowledge,
giving health information through the targets, building leaders who acknowledge
and are able to be the primary person in self-care participation and able to transfer information
to the members or the diabetes patient group.