บทคัดย่อ
มีคำกล่าวว่า “คำทำนายอนาคตที่แม่นยำที่สุด คือ การสร้างอนาคตที่อยากเห็น” นั่นเอง บทสังเคราะห์ความรู้ฝังลึกและความรู้เชิงประจักษ์เกี่ยวกับการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยในภาคเหนือตอนบนในรายงานนี้สะท้อนความพยายามของผู้เกี่ยวข้องในทิศทางดังคำกล่าวนั้น ความพยายามเริ่มขึ้นอย่างเป็นระบบภายหลังวิกฤตกำลังคนในรพ.มหาราชนครเชียงใหม่อันเป็นศูนย์กลางหนึ่งเดียวในการรับคนไข้ส่งต่อของเขตสาธารณสุขที่ 15 วิกฤตนี้คือ การพร้อมใจกันลาออกของพยาบาลจำนวนเกือบ 300 คนจากรพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เมื่อพ.ศ.2549 เนื่องจากปริมาณงานเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้สัดส่วนกับแรงจูงใจ เพื่อตอบสนองต่อภาวะวิกฤต รพ.มหาราชนครเชียงใหม่จึงปรับลดจำนวนเตียงรับคนไข้ส่งต่อ ส่งผลกระทบต่อเครือข่ายการส่งต่อทั้งระบบ จึงเป็นที่มาให้เกิดการจัดตั้งกลไกประสานและร่วมมือระหว่างรพ.รัฐและเอกชนรวมทั้งรพ.มหาราชนครเชียงใหม่ กลไกเหล่านี้อำนวยให้เกิด 1) การปรับบทบาทหน้าที่ของรพ.ต่างๆภายใต้การจัดแบ่งพื้นที่เป็นโซน โดยแต่ละโซนมีแม่ข่ายหลัก แม่ข่ายรอง และลูกข่าย 2) การพัฒนาขีดความสามารถให้แก่รพ.ต่างๆโดยเฉพาะแม่ข่ายสองประเภท 3) การวางแผนและดำเนินแผนพัฒนา บริการ กำลังคน อุปกรณ์การแพทย์ อาคารสถานที่ และเทคโนโลยีการสื่อสารโดยอาศัยเงินสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน 4)การปรับเงินจูงใจให้สามารถระดมขีดความสามารถของเอกชน และรพ.สังกัดกรมการแพทย์ให้มาร่วมจัดบริการ หลักฐานปรากฏว่าระหว่างพ.ศ.2551-2553 การปรับตัวดังกล่าวนำไปสู่การปฎิเสธการรับคนไข้ส่งต่อน้อยลง การเข้าถึงบริการมาตรฐานมากขึ้น เช่น การผ่าตัดสมองผู้บาดเจ็บ การให้ยาละลายลิ่มเลือดแก่คนไข้หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน การดูแลทารกคลอดก่อนกำหนด รายงานยังได้วิเคราะห์จุดเด่นและข้อจำกัดตลอดจนชี้โอกาสพัฒนาในด้านการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องครอบคลุมมิติด้านความสัมพันธ์ระหว่างคนไข้และบุคลากร ด้านสารสนเทศ และด้านการจัดการ
บทคัดย่อ
There is a notion saying “the most reliable prediction of the future is to build it”. This synthesis of
tacit and explicit knowledge in shaping referral network of health services in the upper north of Thailand reflects collective actions among doers of the region in accord with such a notion. The actions started from
a health manpower crisis of the former single node of referral chain in 2006 characterized by draining of
almost 300 nurses instantly from the node hospital to private hospitals after dramatic increased workload
without perceived competitive adjustment of financial incentives. The crisis forced the node hospital to
shift its policy of hospitalizing referred cases from unlimited to a limited quota. Joint coordinating and
collaborating mechanisms among networks of public and private hospitals were set up under the jurisdiction
of public health administrative region no. 15. The mechanisms facilitated 1) restructuring roles and
functions of the hospitals into zones of referral chains each with a node and sub-nodes; 2) capacity building
of public hospitals under the restructured zones; 3) planning of human resources, service delivery and
upgrading of facilities including buildings, medical equipment and communication technology through
public and private subsidies; 4) adjustment of payment mechanisms to mobilize previously untapped
capacity i.e., specialized cares of private hospitals; neurosurgery of a public hospital which previously
excluded emergency cases. During 2008-2010, evidence has shown a decline in the number of referred
cases being turn away; better access to standard care such as thrombolysis for acute STEMI, traumatic
brain surgery; neonatal care. Strengths and weaknesses were discussed. Finally, opportunity for future
improvement of continuity of care within the referral network was identified in terms of relational, informational
and managerial continuity.