บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยเรื่องกลไกธรรมาภิบาลในการควบคุมวิชาชีพเวชกรรมในต่างประเทศ : กรณีศึกษาประเทศสหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ โดยเน้นเรื่องบทบาทหน้าที่ขององค์กรควบคุมกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมคือ แพทยสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 3 ประเทศคือ ประเทศสหราชอาณาจักร ประเทศนิวซีแลนด์ และประเทศแอฟริกาใต้ เนื่องด้วยแพทยสภาเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบอภิบาลในระบบสุขภาพ (health system governance) เพราะเป็นองค์กรกำกับดูแลที่ต้องมีความเป็นกลาง มีความน่าเชื่อถือในสายตาของประชาชน มีกลไกตรวจสอบธรรมาภิบาลในองค์กร การดำเนินงานของแพทยสภาในประเทศเหล่านี้ จะถูกตรวจสอบการปฏิบัติงานอย่างเข้มข้น กรณีศึกษาแพทยสภาทั้ง 3 ประเทศคือ แพทยสภาอังกฤษ (General Medical Council), แพทยสภานิวซีแลนด์ (Medical Council of New Zealand) และสภาผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพแห่งแอฟริกาใต้ (Health Professions Council of South Africa) สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีลักษณะเป็น สภาวิชาชีพหรือองค์กรที่ควบคุมหรือกำกับดูแล (regulatory body) การประกอบวิชาชีพเวชกรรม วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งแพทยสภานั้น มิใช่เพื่อปกป้องหรือรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มวิชาชีพของตนแต่อย่างใด เพราะแพทยสภามิใช่เป็นองค์กรในลักษณะของสมาคมวิชาชีพ แพทยสภามีบทบาทในฐานะเป็นตัวกลางระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยหรือผู้รับบริการสุขภาพ ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ อันดีระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย รวมถึงคุ้มครองสุขภาพและประโยชน์ของผู้ป่วยและประชาชนเป็นสำคัญ ผลการศึกษาแพทยสภาในต่างประเทศพบว่า องค์กรเหล่านี้ได้พยายามปรับตัวหรือพัฒนาองค์กรของตนเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ โดยเฉพาะกรณีที่ประชาชนหรือผู้ป่วยได้รับความเสี่ยงหรืออันตรายจากการรักษาของแพทย์บางราย ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากข้อบกพร่องของแพทยสภา จนทำให้ประชาชน ผู้ป่วย แม้กระทั่งกลุ่มแพทย์ด้วยกันเองขาดความเชื่อถือในแพทยสภา ดังตัวอย่างกรณีแพทยสภาอังกฤษ จนนำไปสู่การปฏิรูปแพทยสภาอังกฤษในที่สุด การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับแพทยสภาในต่างประเทศ มีเป้าหมายเพื่อผดุงรักษาความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีต่อแพทยสภา และรักษาคุ้มครองผู้ป่วยและประชาชน หากแพทยสภามีความน่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ก็จะมีส่วนช่วยลดข้อพิพาทหรือความขัดแย้งระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยหรือผู้รับบริการสาธารณสุขให้ลดลงได้ ทำให้มีการฟ้องร้องเป็นคดีความลดน้อยลง