บทคัดย่อ
จุดประสงค์: จากการศึกษาของกลุ่มวิจัยในอดีตพบว่าผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงที่ขาตีบตัน หรือโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย (peripheral artery disease-PAD) มีโอกาสเสียชีวิตสูงมากถึง 56.5% ในระยะเวลา 3 ปี กลุ่มวิจัยจึงมีความประสงค์ค้นหาอุบัติการณ์และปัจจัยเสี่ยงในการติดตามผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นเวลา 3 ปี ในรายงานฉบับนี้เป็นรายงานผลการศึกษาปีที่ 2 (ติดตามผู้ป่วย 18 เดือน) ซึ่งมุ่งเน้นการแสดงอุบัติการณ์และปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและการเกิด myocardial infarction, stroke และภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายที่แย่ลง รวมถึงศึกษานี้จะได้ประเมินการดูแลปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดแข็ง (atherosclerosis) ซึ่งเป็นสาเหตุของ PAD ของผู้ป่วยในกลุ่มนี้
วิธีการศึกษา: ผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 500 คนที่เป็นโรค PAD จากโรงพยาบาลใน 3 จังหวัด โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลลำพูนและโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้รับการติดตามตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557- กรกฎาคม 2559 เพื่อศึกษาอุบัติการณ์การเกิดโรคหลอดเลือดรุนแรงและการเสียชีวิต (major adverse cardiovascular event-MACE) ซึ่งประกอบด้วยการเสียชีวิตและการเกิด myocardial infarction, stroke และภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายที่แย่ลง โดยรายงานจะแสดงอุบัติการณ์เป็นร้อยละและได้ศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงโดยใช้สถิติ Cox regression การศึกษานี้ได้ประเมินการรักษาในด้านอัตราการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดลือดแข็ง ได้วิเคราะห์เทียบกับเป้าหมายที่แนะนำโดยเกณฑ์ของ American Heart Association (AHA) และราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยโดยแสดงเป็นร้อยละ
ผลการศึกษา: ได้ตรวจผู้ป่วยทั้งหมด 500 คนใน 3 โรงพยาบาล พบว่าอุบัติการณ์ของ MACE คือ 95 เหตุการณ์ (19%) จากการติดตามมา 18 เดือน โดยอุบัติการณ์ MACE นี้สัมพันธ์กับผู้ป่วยมีประวัติโรคไตเรื้อรัง (Hazard ratio (HR) 2.32, 95% confidence interval (95% CI) 1.41-3.80) ประวัติ gangrene หรือแผลเรื้อรังที่ขา (HR 3.03, 95%CI 1.82-5.06) ประวัติได้รับการผ่าตัด aorta (HR 24.07, 95%CI 5.28-109.71) ประวัติได้รับยา clopidogrel (HR 2.16, 95%CI 1.13-4.12), ประวัติได้รับยา warfarin (HR 3.24, 95%CI 1.50-7.02) และ ประวัติการได้ยา sulfonylurea (HR 0.44, 95%CI 0.24-0.83) แต่สังเกตว่าปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดแข็งที่ 18 เดือนพบอัตราการควบคุมเกินครึ่งมีเพียง diastolic blood pressure (73.10%) กับการหยุดสูบบุหรี่ (91.83%)
สรุป: อุบัติการณ์การเกิด MACE ในระยะเวลา 18 เดือนพบ 19% โดย MACE จะเกิดบ่อยสัมพันธ์กับประวัติผู้ป่วยมี gangrene, chronic ulcer มีประวัติไตวายเรื้อรังและได้รับยา clopidogrel และ warfarin แพทย์พยาบาลควรใส่ใจในผู้ป่วยกลุ่มนี้ในการรักษาด้านการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดแดงแข็งอย่างเข้มข้น
บทคัดย่อ
Objectives: Peripheral arterial disease (PAD) in diabetic patients is associated with high morbidity and mortality. The mortality rate in such patients is 56.5% in 3 years follow up period in Maharaj Nakorn Chiang Mai Hospital, Chiang Mai University. Therefore the incidence and predictive factors to determine the mortality, myocardial infarction, stroke and worsening PAD is of paramount important. Researchers aimed to explore these outcomes in our population.
Method: 500 diabetic patients with being diagnosed as PAD between June 2014 to July 2016, were followed up in 18 months follow up period. Primary end point was major adverse cardiovascular event (MACE), which composed of non fatal myocardial infarction, non fatal stroke, worsening PAD and death. The potential clinical predictors were entered into a Cox proportional hazard model with backward stepwise regression was performed. Researchers also evaluated the adequacy of treatment by assessing the risk factor control for atherosclerosis. The target of the risk factor control for atherosclerosis has been using the criteria of American Heart Association (AHA) and the Royal College of Physicians of Thailand.
Result: During a mean follow-up of 18 months period, 95 MACE events occurred, corresponding to the incidence of 19.0%. The number of death was 43 patients. The predictive factors, that were significantly associated with MACE, were history of chronic kidney disease (hazard ratio (HR) 2.32, 95% confidence interval (95% CI) 1.41-3.80), gangrene or chronic ulcer (HR 3.03, 95%CI 1.82-5.06), history of aortic surgery (HR 24.07, 95%CI 5.28-109.71), patients with history of taking clopidogrel (HR 2.16, 95%CI 1.13-4.12), patients with history of taking warfarin (HR 3.24, 95%CI 1.50-7.02), patients with history of taking sulfonylureas (HR 0.44, 95%CI 0.24-0.83). In terms of risk factor for atherosclerosis management, patients had reach the target in majority (>50%) in the control of diastolic blood pressure (73.10%) and stop smoking (91.83%).
Conclusion: The incidence of MACE was 19%. The predictive factors for high MACE in the first 18 months in diabetic patients with PAD was chronic kidney disease, gangrene or chronic ulcer, history of having aortic surgery, patients with history of taking clopidogrel, patients with history of taking warfarin. This may be used to identify high-risk patients for MACE to assist optimize medical treatment and intensive risk factor control for atherosclerosis to increase life expectancy and to decrease vascular event.