บทคัดย่อ
การศึกษานี้ใช้ข้อมูลการสำรวจอนามัยและสวัสดิการ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นการสำรวจระดับประเทศเพื่อวิเคราะห์รูปแบบการเข้ารับบริการทันตกรรมของประชาชนไทย การใช้สิทธิสวัสดิการเพื่อรับการรักษา รวมถึงค่าใช้จ่ายทางทันตกรรมที่เกิดขึ้น ที่นำไปสู่ข้อเสนอเพื่อการพัฒนาปรับปรุงนโยบายและระบบการให้บริการทางทันตกรรมต่อไปการศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่า (ก) ประชากรร้อยละ 8.1 ใช้บริการทันตกรรมในระยะ 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้การใช้บริการทันตกรรมส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80 เป็นไปเพื่อการรักษา จึงต้องมีการเน้นนโยบายการป้องกันโรคและสร้างเสริมสุขภาพทันตกรรมให้มากขึ้น (ข) สาเหตุหลักที่ประชาชนไม่ได้รับการบริการตามที่ต้องการ คือ ไม่มีเวลาไปรับบริการ ผนวกกับคิวยาวและรอนาน ดังนั้นจึงควรมีการขยายระบบบริการทันตกรรมให้เพียงพอมากขึ้น และ (ค) การมีหลักประกันสุขภาพที่ต่างกันมีผลต่อการเข้าใช้บริการทันตกรรมที่ต่างกัน ส่วนหนึ่งเนื่องจากหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินของกองทุนระบบสุขภาพต่างๆ นั้นแตกต่างกัน รวมกับระยะเวลารอคอยรับการรักษานานและสิทธิประโยชน์ของสวัสดิการที่ไม่ครอบคลุม อาจเป็นอุปสรรคของการเข้าถึงบริการทันตกรรม ดังนั้น จึงควรมีการพัฒนาให้เกิดความกลมกลืนระหว่างระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐ รวมทั้งถึงควรพิจารณาขยายการให้บริการให้สอดคล้องกับรูปแบบการรับบริการของประชาชน โดยต้องมีการพิจารณาหลักเกณฑ์การควบคุมคุณภาพบริการขอบเขตการให้บริการ และหลักเกณฑ์การจ่ายเงินต่อไป
บทคัดย่อ
This study used health and welfare survey 2015, national household survey, to explore pattern
of dental service utilization including use of health insurance, and expenditure among Thai population
in order to improve national policies related to dental services. The results showed that (1) 8.1
percent of Thai population received dental services in the past 12 months. More than 80% of dental
services were dental treatment. Thus, dental health policies should focus more on dental prevention
and promotion. (2) Main reasons of unmet need were no time to get the services and long waiting
time. So, the dental health service providers should be expanded. (3) Different access to dental services
associated with different health insurance schemes. The dental services should be harmonized
among health insurance schemes in particular payment methods, and benefit package and points of
service. Also, criteria, quality control, scope of services and payment mechanism should be considered.