• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การประเมินผลกระทบและความคุ้มค่าของวัคซีนโควิดที่พึงประสงค์เพื่อใช้ในการพัฒนาและคัดเลือกวัคซีนสำหรับใช้ในประเทศไทย

พัทธรา ลีฬหวรงค์; Pattara Leelahavarong; ยศ ตีระวัฒนานนท์; Yot Teerawattananon; วรรณฤดี อิสรานุวัฒน์ชัย; Wanrudee Isaranuwatchai; นันทสิทธิ์ เหลืองอาสนะทิพย์; Nantasit Luangasanatip; วิริชดา ปานงาม; Wirichada (Pongtavornpinyo) Pan-ngum; สมภพ ศรลัมพ์; Sompob Saralamba; จุฑามาศ พราวแจ้ง; Juthamas Prawjaeng; สรายุทธ ขันธะ; Sarayuth Khuntha; Clapham, Hannah E.; Painter, Christopher Matthew Neil; Yi, Wang; Park, Minah;
วันที่: 2564-04-30
บทคัดย่อ
นับแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เมื่อต้นปี พ.ศ. 2563 ทำให้มีผู้ติดเชื้อไปแล้วกว่า 100 ล้านคนและเสียชีวิตมากกว่า 2 ล้านคนทั่วโลก ถึงแม้ประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง ดังนั้นทางออกที่ยั่งยืนของวิกฤตครั้งนี้ คือ การให้วัคซีนป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมตอบคำถามสำคัญเชิงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและใช้วัคซีนในประเทศไทย ได้แก่ (1) คุณลักษณะสำคัญของวัคซีนทั้งด้านประสิทธิผล ระยะเวลาในการป้องกัน ราคา ที่ทำให้วัคซีนมีความคุ้มค่า (2) กลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับวัคซีนก่อนหลังในกรณีที่วัคซีนมีจำกัด เพื่อทำให้เกิดผลดีที่สุดต่อการควบคุมการระบาดของโรคและต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ (3) หากเริ่มให้วัคซีนในประชากรกลุ่มเป้าหมายแล้ว มาตรการปิดประเทศสามารถผ่อนปรนได้หรือไม่ วิธีการศึกษา นักวิจัยปรับปรุงแบบจำลองจาก CoMo Consortium ซึ่งพัฒนาโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย อ๊อกฟอร์ด สหราชอาณาจักรร่วมกับนักวิจัยทั่วโลก รวมทั้งนักวิจัยในโครงการวิจัยนี้ด้วย โดยใช้ตัวแปรสำคัญด้านพฤติกรรมของคนไทยและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของเชื้อโคโรนา 2019 ในช่วงต้นปี 2563 ในประเทศไทย สำหรับวัคซีนโควิดที่ใช้ในการศึกษานี้เป็นวัคซีนสมมุติที่มีคุณสมบัติตรงกับที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ กล่าวคือ มีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในการป้องกันการติดเชื้อ หรือลดโอกาสถ่ายทอดเชื้อไปสู่ผู้อื่น หรือลดความรุนแรงของโรคในกลุ่มผู้ติดเชื้อ สรุปผลการศึกษา วัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อสามารถลดความรุนแรงในการแพร่ระบาดของโรคและลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากกว่าวัคซีนที่มีประสิทธิผลด้านอื่นๆ นอกจากนี้ ระยะเวลาในการป้องกันโรคที่นานเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเช่นเดียวกันกับประสิทธิผลของวัคซีน สำหรับการจัดลำดับความสำคัญของประชากรกลุ่มเป้าหมายเพื่อจัดสรรวัคซีนนั้น ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติด้านประสิทธิผลของวัคซีนและรูปแบบการแพร่ระบาด โดยพบว่า วัคซีนที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ เหมาะในการให้ในกลุ่มประชากรกลุ่มอายุ 20-39 ปี และวัคซีนที่มีประสิทธิผลในการลดความรุนแรงของโรคเหมาะในการให้ในกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้น เพื่อหวังผลในการลดความรุนแรงในการแพร่ระบาดของโรคและลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้มากที่สุด สำหรับมาตรการปิดประเทศ พบว่า อาจจะสามารถผ่อนปรนได้มากขึ้น หากมีวัคซีนควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมใส่หน้ากากอนามัย และการหมั่นล้างมือ (social vaccine) อย่างเคร่งครัด ซึ่งมาตรการ social vaccine ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ผลการศึกษานี้นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ผู้กำหนดนโยบายในการเลือกวัคซีนโควิดและกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและการประเมินผลสำเร็จของนโยบายวัคซีนในการควบคุมโรค

บทคัดย่อ
Thailand is facing the dilemma of which groups to prioritise for the limited first tranche of vaccinations in 2021. A mathematical modelling analysis was performed to compare the potential short-term impact of allocating the available doses to either the high-risk group (over 65-year-olds) or the high incidence group (aged 20-39). Vaccinating the high incidence group with a vaccine with sufficiently high protection against infection (more than 50%) could provide enough herd effects to delay the expected epidemic peak, resulting in fewer deaths within the 12-month time horizon compared to vaccinating the same number of the high-risk group. After 12 months, if no further vaccination or other interventions were deployed, this strategy would lead to more deaths. With the right vaccine efficacy profile, targeting the high incidence groups could be a viable short-term component of the Thai vaccination strategy. These results and emerging evidence on vaccines and susceptibility suggest prioritisation guidelines should be more nuanced.
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: he0146.pdf
ขนาด: 1.638Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 0
ปีงบประมาณนี้: 5
ปีพุทธศักราชนี้: 4
รวมทั้งหมด: 872
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2478]

    งานวิจัย


DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [620]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [100]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [126]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [159]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1288]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [229]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [21]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV