บทคัดย่อ
ปรากฏการณ์ที่โรคโควิด 19 สามารถเป็นได้กันทุกคนทั่วโลกเพราะไม่มีใครมีภูมิคุ้มกันมาก่อน ใครสัมผัสก่อน คนนั้นเป็นก่อน จนกระทั่งเป็นกันเกือบทุกคน โรคจึงสงบได้ มิติทางเวลา เช่น ใครติดโรคก่อนหรือเป็นทีหลัง ก็อาจทำให้ผลลัพธ์การรักษาแตกต่างกันได้ ถ้าช่วงเวลาใดเป็นพร้อมกันมากๆ ก็จะทำให้เสียชีวิตมากขึ้นเพราะระบบบริการสุขภาพไม่พร้อมรองรับ เมื่อค้นพบวัคซีนที่ป้องกันโรคได้ มิติทางเวลาก็เข้ามามีความสำคัญคือ ใครจะได้ฉีดก่อนหรือหลัง ประเทศใดจะได้ฉีดวัคซีนครบก่อน-หลัง เนื่องจากผลกระทบของระบาดของโรคนี้มีมากกว่าด้านสุขภาพ แต่ลุกลามไปจนถึงผลกระทบทางสังคม เศรษฐกิจและการศึกษา ปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคลหรือแต่ละประเทศ ทำให้เป็นที่สังเกตได้ว่า สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำที่ไม่เป็นธรรมที่เป็นมาก่อนโรคระบาด อาจเปลี่ยนไปสู่สถานการณ์ที่มีความเป็นธรรมมากขึ้น หรือตรงข้ามคือ อาจเปลี่ยนเป็นยิ่งไม่เป็นธรรมมากขึ้น บทบรรณาธิการนี้คาดว่า ประเทศหรือชุมชนที่มีรากฐานการวิจัยและนโยบายที่ดีจะเป็นปัจจัยทำให้เกิดสังคมที่เป็นธรรมมากขึ้น ภายในมิติทางเวลาที่สังคมยอมรับได้ ซึ่งความเหลื่อมล้ำภายในประเทศต้องใช้กลไกในประเทศเพื่อจัดการแก้ไข เป็นที่ยอมรับว่าการจะให้ทุกคนในประเทศได้รับวัคซีนต้องใช้เวลาหลายเดือน ใครเป็นผู้สมควรได้รับก่อน-หลังเป็นไปตามความเสี่ยงและตามคิวไม่ใช่อภิสิทธิ์ของนักการเมือง กลไกของสังคมเป็นปัจจัยช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ เพราะการพัฒนาศักยภาพของประเทศให้เป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีความเป็นธรรมควรเป็นเป้าหมายที่เห็นพ้องกัน การพัฒนาศักยภาพคนของประเทศด้านการวิจัยควรเป็นยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความเป็นธรรมในมิติเวลาที่ต้องใช้เวลา