• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

ภูมิต้านทานในการให้วัคซีนโควิด-19 ชนิดต่างๆ กระตุ้นเข็ม 3 ในผู้ใหญ่ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

ยง ภู่วรวรรณ; Yong Poovorawan; ณศมน วรรณลภากร; Nasamon Wanlapakorn; ภรจริม นิลยนิมิต; Pornjarim Nilyanimit; ฤทธิเดช ยอแสง; Ritthideach Yorsaeng; จิระ จันทร์แสนโรจน์; Jira Chansaenroj; หนึ่งฤทัย สุนทรวงศ์; Nungruthai Suntronwong; ทักษพร ทัศนาธร; Thaksaporn Thatsanatorn; ดลชิดา ศรีเหมือน; Donchida Srimuan; สุวิชาดา อัศวโกสีย์; Suvichada Assawakosri; สิทธิชัย กนกอุดม; Sitthichai Kanokudom; วิทักษ์ วิทักษบุตร; Withak Withaksabut;
วันที่: 2566-02
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความปลอดภัยและผลภูมิต้านทานหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิดโปรตีนซับยูนิตหรือวัคซีนโคโวแวกซ์ เมื่อให้เป็นเข็มกระตุ้นในประชากรผู้ใหญ่ที่เคยได้รับวัคซีนมาแล้ว 2 เข็มในสูตรต่างๆ โดยศึกษาแบบ prospective cohort study ดำเนินการที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในประเทศไทย ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม พ.ศ. 2565 โดยอาสาสมัครในโครงการวิจัยนี้ ได้แก่ ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยจะแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 4 กลุ่มตามชนิดวัคซีน 2 เข็มที่เคยได้รับมาก่อน คือ กลุ่มที่ 1 คือ อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายซิโนฟาร์ม (BBIBP-CorV) โดยมีระยะห่าง 2 เข็ม เท่ากับ 3-4 สัปดาห์ กลุ่มที่ 2 คือ อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนไวรัลเวกเตอร์แอสตราซีนีก้า โดยมีระยะห่าง 2 เข็ม เท่ากับ 8-12 สัปดาห์ กลุ่มที่ 3 คือ อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ (BNT162b2) 2 เข็ม โดยมีระยะห่าง 2 เข็ม เท่ากับ 3-4 สัปดาห์ และกลุ่มที่ 4 คือ อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนสูตรสลับระหว่างวัคซีนเชื้อตายซิโนแวคตามด้วยวัคซีนไวรัลเวกเตอร์แอสตราซีนีก้า โดยมีระยะห่าง 2 เข็ม เท่ากับ 3-4 สัปดาห์ โดยมีการรับวัคซีนทั้ง 2 เข็มมาจากโรงพยาบาลอื่น ซึ่งมีการบันทึกข้อมูลในระบบหมอพร้อม และมารับวัคซีนเข็มสาม (booster) เป็นวัคซีนโคโวแวกซ์ 1 เข็ม ที่ศูนย์ฯ หรือจุดบริการฉีดวัคซีนทั้งหมด 10 แห่งในจังหวัดชลบุรี ระยะห่างระหว่างเข็ม 2 และ 3 อยู่ที่ 3 ถึง 10 เดือนหลังจากเข็ม 2 ความปลอดภัยจากการรับวัคซีนจะทำการประเมินโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ที่ให้อาสาสมัครตอบแบบสอบถามด้วยตนเอง สำหรับผลภูมิต้านทานจะทำการวิเคราะห์โดยการตรวจวัดระดับแอนติบอดีชนิดที่จับกับโปรตีนตัวรับของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์ดั้งเดิมและทดสอบความสามารถของแอนติบอดีในการป้องกันการเข้าเซลล์ของไวรัส สายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์โอไมครอน BA.2 รวมไปถึงตรวจวัดการตอบสนองของ T-cell ผลการวิจัยพบว่า อาสาสมัครที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกและมีคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการทั้งหมดจำนวน 210 คน จากการศึกษาความปลอดภัยจากการรับวัคซีน พบว่าประชากรส่วนใหญ่มีอาการข้างเคียงจากการรับวัคซีนทั้งแบบ local และ systemic ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 7 วันหลังการฉีดวัคซีน อยู่ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง สำหรับผลการตรวจวัดผลภูมิต้านทานหลังจากการรับวัคซีนเข็ม 3 มีการวัดที่ 14 และ 28 วัน พบว่า อาสาสมัครส่วนใหญ่ มีผลการกระตุ้นภูมิต้านทานในระดับที่สูง ในขณะที่อาสาสมัครกลุ่มที่มี nucleocapsid เป็นลบ พบว่า มีค่า neutralizing activity ต่อเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์โอมิครอนใกล้เคียงกันทั้ง 4 กลุ่ม โดยมากกว่า 95% และ 70% ตามลำดับ นอกจากนี้การได้รับวัคซีนโคโวแวกซ์ ช่วยกระตุ้นการทำงานของ T-cell ได้อีกด้วย สรุปผลการวิจัย: วัคซีนโควิด-19 ชนิดโปรตีนซับยูนิตหรือวัคซีนโคโวแวกซ์ เมื่อให้เป็นเข็มกระตุ้นในประชากรผู้ใหญ่ที่เคยได้รับวัคซีนมาแล้ว 2 เข็มในสูตรต่างๆ มีประสิทธิภาพดีในการกระตุ้นภูมิต้านทานและมีความปลอดภัย

บทคัดย่อ
Objectives: To report the safety and immunogenicity profile of a protein subunit vaccine (CovovaxTM) given as a third (booster) dose to individuals primed with different primary vaccine regimens. Methods: A third dose was administered to individuals with an interval range of 3-10 months after the second dose. The four groups were classified according to their primary vaccine regimens, including two-dose BBIBP-CorV, AZD1222, BNT162b2, and CoronaVac/AZD1222. Immunogenicity analysis was performed to determine binding antibodies, neutralizing activity, and the T-cell responses. Results: Overall, 210 individuals were enrolled and boosted with the CovovaxTM vaccine. The reactogenicity was mild to moderate. Most participants elicited a high level of binding and neutralizing antibody against Wild-type and Omicron variants after the booster dose. In participants who were anti nucleocapsid immunoglobulin G-negative from all groups, a booster dose could elicit neutralizing activity to Wild-type and Omicron variants by more than 95% and 70% inhibition at 28 days, respectively. The CovovaxTM vaccine could elicit a cell-mediated immune response. Conclusion: The protein subunit vaccine (CovovaxTM) can be proposed as a booster dose after two different priming dose regimens. It has strong immunogenicity and good safety profile
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Icon
ชื่อ: hs2948.pdf
ขนาด: 3.960Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

แจ้งปัญหาการดาวน์โหลด | คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 8
ปีงบประมาณนี้: 8
ปีพุทธศักราชนี้: 8
รวมทั้งหมด: 8
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2186]

    งานวิจัย


DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น | แจ้งปัญหาการใช้งาน
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [528]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [86]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [272]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [89]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [129]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1095]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [207]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [19]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น | แจ้งปัญหาการใช้งาน
Theme by 
Atmire NV