• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การศึกษาเปรียบเทียบความปลอดภัยและผลภูมิต้านทานหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ 2 ครั้ง และการให้วัคซีนเชื้อตายตามด้วยวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอในเด็กอายุ 5 ถึง 11 ปี

ณศมน วรรณลภากร; Nasamon Wanlapakorn; ยง ภู่วรวรรณ; Yong Poovorawan; ณัฐินี สุทธินรเศรษฐ์; Natthinee Sudhinaraset; สิทธิชัย กนกอุดม; Sitthichai Kanokudom; หนึ่งฤทัย สุนทรวงศ์; Nungruthai Suntronwong; จิระ จันทร์แสนโรจน์; Jira Chansaenroj; ฤทธิเดช ยอแสง; Ritthideach Yorsaeng; ทักษพร ทัศนาธร; Thaksaporn Thatsanatorn; ดลชิดา ศรีเหมือน; Donchida Srimuan;
วันที่: 2566-03
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบความปลอดภัยและผลภูมิต้านทานหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ 2 เข็ม และการให้วัคซีนเชื้อตาย 1 หรือ 2 เข็ม และตามด้วยวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอในเด็กอายุ 5 ถึง 11 ปี วิธีการศึกษา: การศึกษาแบบ prospective cohort study ได้ดำเนินการที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในประเทศไทยระหว่างเดือนมีนาคม ถึง มิถุนายน พ.ศ. 2565 โดยอาสาสมัครในโครงการวิจัยนี้ ได้แก่ เด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงอายุระหว่าง 5-11 ปี โดยจะแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 คือ อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ (BNT162b2) 2 เข็มโดยมีระยะห่าง 2 เข็ม เท่ากับ 8 สัปดาห์ กลุ่มที่ 2 คือ อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายซิโนแวค (CoronaVac) และตามด้วยไฟเซอร์ (BNT162b2) โดยมีระยะห่าง 2 เข็ม เท่ากับ 4 สัปดาห์ และกลุ่มที่ 3 คือ อาสาสมัครที่เคยได้รับวัคซีนซิโนฟาร์ม (BBIBP-CorV) มาแล้ว 2 เข็ม โดยจะต้องมีระยะห่างหลังเข็ม 2 ประมาณ 1-3 เดือน โดยมีการรับวัคซีนจากโรงพยาบาลอื่น ซึ่งมีการบันทึกข้อมูล และมาวัคซีนเข็มสาม (booster) เป็น ไฟเซอร์ (BNT162b2) 1 เข็ม ที่ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความปลอดภัยจากการรับวัคซีนจะทำการประเมินโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ที่ให้อาสาสมัครตอบแบบสอบถามด้วยตนเอง สำหรับผลภูมิต้านทานจะทำการวิเคราะห์โดยการตรวจวัดระดับแอนติบอดีชนิดที่จับกับโปรตีนตัวรับของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์ดั้งเดิม และทดสอบความสามารถของแอนติบอดีในการป้องกันการเข้าเซลล์ของไวรัส สายพันธุ์โอไมครอน (BA.2 และ BA.5) ผลการวิจัย: อาสาสมัครที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกและมีคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการจำนวน 166 คน จากการศึกษาความปลอดภัยจากการรับวัคซีน พบว่า มีอาการข้างเคียงจากการรับวัคซีนทั้งแบบ local และ systemic ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 7 วันหลังการฉีดวัคซีน อยู่ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลางและทนได้ สำหรับผลการตรวจวัดผลภูมิต้านทานหลังจากการรับวัคซีนเข็ม 1 เข็ม 2 ไปแล้วหนึ่งเดือนในกลุ่มอาสาสมัครที่รับวัคซีนไฟเซอร์ (BNT162b2) สองเข็ม (GMT 2872 BAU/mL) และกลุ่มที่รับวัคซีนเชื้อตายซิโนแวค (CoronaVac) เป็นเข็มแรก และรับวัคซีนไฟเซอร์ (BNT162b2) เป็นเข็มที่สอง (GMT 3021 BAU/mL) และวัดภูมิต้านทานหลังการรับเข็มสามด้วยวัคซีนไฟเซอร์หลังการรับวัคซีนซิโนฟาร์ม (BBIBP-CorV) มาแล้วสองเข็ม (GMT 3269 BAU/mL) โดยพบว่า มีระดับของ IgG ชนิดที่จับกับโปรตีนตัวรับของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์ดั้งเดิม ใกล้เคียงกันทั้ง 3 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม และกลุ่มที่ได้รับซิโนฟาร์ม BBIBP-CorV 2 เข็ม และรับไฟเซอร์ (BNT162b2) เป็นเข็มสาม มีความสามารถของแอนติบอดีในการป้องกันการเข้าเซลล์ของไวรัส สายพันธุ์โอไมครอน (BA.2 และ BA.5) ได้ดีกว่ากลุ่มที่รับวัคซีนเชื้อตายซิโนแวค (CoronaVac) เป็นเข็มแรก และรับวัคซีนไฟเซอร์ (BNT162b2) เป็นเข็มที่สอง สรุปผลการวิจัย: กลุ่มที่รับวัคซีนเชื้อตายซิโนแวคเป็นเข็มแรก และรับวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่สองจะมีระดับแอนติบอดีที่ทำหน้าที่ในการป้องกันการเข้าเซลล์ของไวรัส สายพันธุ์โอไมครอน (BA.2 และ BA.5) ที่ต่ำกว่า กลุ่มที่การรับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม และกลุ่มที่ได้รับซิโนฟาร์ม 2 เข็ม และรับไฟเซอร์เป็นเข็มสาม

บทคัดย่อ
Objective: To compare the reactogenicity and immunogenicity between the two-dose mRNA COVID-19 vaccine regimen and one or two doses of inactivated vaccine followed by an mRNA vaccine regimen in healthy children between 5-11 years of age. Methods: A prospective cohort study was performed at King Chulalongkorn Memorial Hospital in Thailand between March to June 2022. Healthy children between 5-11 years of age were enrolled and received the two-dose mRNA COVID-19 vaccine (BNT162b2) regimen or the inactivated (CoronaVac) vaccine followed by the BNT162b2 vaccine regimen. In addition, healthy children who received two doses of BBIBP-CorV between 1-3 months prior were enrolled to receive a heterologous BNT162b2 as a third dose (booster). Reactogenicity was assessed by a self-reported online questionnaire. Immunogenicity analysis was performed to determine binding antibodies to wild-type SARS-CoV-2. Neutralizing antibodies to Omicron variants (BA.2 and BA.5) were tested using the focus reduction neutralization test. Results: Overall, 166 eligible children were enrolled. Local and systemic adverse events which occurred within 7 days after vaccination were mild to moderate and well-tolerated. At one-month, post-two or post-three doses, children vaccinated with two-dose BNT162b2 (GMT 2872 BAU/mL), CoronaVac/BNT162b2 (GMT 3021 BAU/mL), and two-dose BBIBP-CorV followed by BNT162b2 (GMT 3269 BAU/mL) elicited similar levels of anti-receptor-binding domain (RBD) IgG (ns). However, the two-dose BNT162b2 and two-dose BBIBP-CorV followed by BNT162b2 groups elicited higher neutralizing activities against Omicron BA.2 and BA.5 variant than the CoronaVac/BNT162b2 group. Conclusion: The heterologous, CoronaVac vaccine followed by the BNT162b2 vaccine, regimen elicited lower neutralizing activities against the emerging Omicron BA.2 and BA.5 variant than the two-dose mRNA regimen. A third dose (booster) mRNA vaccine should be prioritized for this group.
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hs2961.pdf
ขนาด: 8.799Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 0
ปีงบประมาณนี้: 8
ปีพุทธศักราชนี้: 3
รวมทั้งหมด: 31
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2471]

    งานวิจัย

ชิ้นงานที่เกี่ยวข้อง

แสดงชิ้นที่เกี่ยวข้องโดย ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ผู้สร้าง และหัวเรื่อง

  • ความคิดเห็นของผู้ปกครองต่อการหยอดวัคซีนโปลิโอในเด็กนักเรียน : การศึกษาในกรุงเทพมหานคร ตามโครงการรณรงค์ให้วัคซีนเพื่อกวาดล้างโปลิโอ 

    วรนุช วุฒิอุตดม; Woranuch Wuthiutadom; ลือชัย ศรีเงินยวง (ศูนย์ศึกษานโยบายสาธารณสุข คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2541)
    ความคิดเห็นของผู้ปกครองต่อการหยอดวัคซีนโปลิโอในเด็กนักเรียน: การศึกษาในกรุงเทพมหานคร ตามโครงการรณรงค์ให้วัคซีนเพื่อกวาดล้างโปลิโอการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ 4 ประการ คือเพื่อวิเคราะห์สภาพการณ์และปัจจัยกำหนดการปฏิเสธ/ย ...
  • การพัฒนาระบบระเบียนสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (Personal Health Record : PHR) เชื่อมต่อโปรแกรมการจัดการข้อมูลวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 

    มานิตา พรรณวดี; Manita Phanawadee; สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช; Suppachoke Wetchaphanphesat; เดือนเพ็ญ โยเฮือง; Duanpen Yohuang (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2566-01)
    โครงการพัฒนาระบบระเบียนสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (Personal Health Record: PHR) เชื่อมต่อโปรแกรมการจัดการข้อมูลวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ สังเคราะห์และพัฒนาระบบระเบียนสุขภาพส่ว ...
  • การหาปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเลือกวัคซีนใหม่ในประเทศไทยโดยวิธี best-worst scaling 

    ศิริพร ภูริภัสสรกุล; Siriporn Pooripussarakul; อาทร ริ้วไพบูลย์; Arthorn Riewpaiboon; ศรีเพ็ญ ตันติเวสส; Sripen Tantivess; จรุง เมืองชนะ; Charung Muangchana; Bishai, David (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2561-03)
    การนำวัคซีนใหม่เข้ามาใช้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ นโยบาย แนวทางปฏิบัติ และการประเมินทางเศรษฐศาสตร์ ผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ จึงพิจารณาปัจจัยสำคัญที่แตกต่างกันไปในการนำวัคซีนใหม่เข้าสู่โครงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งชาติ ...

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [619]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [99]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [125]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [159]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1283]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [228]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [20]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV