บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาพรรณนาภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสุขภาพ ระดับคุณภาพชีวิต และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 943 คน ที่อาศัยอยู่รอบเขตประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง โดยเก็บข้อมูลในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม 2551 ด้วยแบบสัมภาษณ์ข้อมูลทั่วไปและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และด้วยแบบวัดคุณภาพชีวิต วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา แจกแจงด้วยค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย วิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยใช้ค่าไฆสแควร์
จากการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 27.9 เป็นหญิงอายุเฉลี่ย 46 ปี มีการศึกษาระดับประถมศึกษาร้อยละ 57.8 อาชีพค้าขายร้อยละ 27.9 ดื่มสุราร้อยละ 16.5 สูบบุหรี่ร้อยละ 8.7 ออกกำลังกายร้อยละ 48.9 บ้านพักห่างจากเขตประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีน้อยกว่า 5 กิโลเมตรร้อยละ 59.4 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเคยมีการเจ็บป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลร้อยละ 6.8 ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาพบอาการเจ็บป่วยทางระบบการหายใจร้อยละ 61.8 รองลงมาทางระบบประสาทร้อยละ 57.2 และระบบผิวหนังร้อยละ 53.7 การเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว ได้แก่ โรคภูมิแพ้อากาศ/ฝุ่นละออง ร้อยละ 26.9 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเคยได้รับกลิ่นสารเคมี ร้อยละ 59.8 กลิ่นคล้ายกลิ่นแก๊สร้อยละ 52.3 กลิ่นเหม็นฉุนร้อยละ 21.5 และกลิ่นคล้ายฝรั่งสุกร้อยละ15.6 ได้กลิ่นช่วงเย็นถึงค่ำร้อยละ 33.3 ช่วงกลางวันร้อยละ 23.2 และเช้ามืดร้อยละ 17.2 สำหรับคะแนนคุณภาพชีวิตโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางร้อยละ 68.6 ระดับดีร้อยละ 31.3 และไม่ดีร้อยละ 0.1 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับระดับคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ การศึกษา อาชีพและการออกกำลังกาย และภาวะสุขภาพได้แก่ การเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว อาการเจ็บป่วยหลังการได้รับกลิ่นสารเคมีทั้งระบบการหายใจ ผิวหนังและประสาทในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และระยะทางจากบ้านถึงเขตประกอบการ นอกจากนี้ยังพบว่าในช่วง 1 ปี และ 1 เดือนที่ผ่านมา อาการเจ็บป่วยทางการหายใจ ระบบประสาทและผิวหนัง มีความสัมพันธ์กับการได้รับกลิ่นสารเคมีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
การศึกษาครั้งสะท้อนให้เห็นว่ากลิ่นสารเคมีในบรรยากาศมีความสัมพันธ์กับสุขภาพ และอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงสมควรมีหน่วยงานสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องต้องพัฒนามาตรการจัดการปัญหาโดยเฉพาะ ระบบเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และติดตามภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยรอบเขตประกอบการอุตสาหกรรม
บทคัดย่อ
This health status and quality of life study was a cross-sectional descriptive one. It was aimed at
exploring the health status and quality of life and their related factors in the study population: 943 people
living near one of the petrochemical plants in Rayong Province. Data were collected during July and
October 2008, using an interview questionnaire and WHOQOL-BREF-THAI. Data were analyzed by
descriptive statistics (frequency, percent, mean) and inferential statistics (chi-square).
Results revealed that the majority of the study population were females (76.8%) with a mean age of
46 years, and having had a primary school education (57.8%). Of the total, 27.9 percent were traders, 16.5
percent consumed alcohol, 8.7 percent smoked, and 48.9 percent did exercise. The distance between their
house and the petrochemical plant was less than 5 kilometers (59.4%). In the past three months, 6.8
percent of them got ill and sought care at hospitals. In the past month, 61.8 percent of them had respiratory
symptoms, 57.2 percent had neurological symptoms, and 53.7 percent had dermatological symptoms.
Regarding their family members, 26.9 percent were allergic to dust or had hay fever. In the past
month, 59.8 percent of them experienced chemical odors: 52.3 percent a gas-like odor, 21.5 percent a
pungent odor, and 15.6 percent an odor similar to a ripe guava. A third of them experienced these odors
in the evening (33.3%); 23.2 percent smelled the odor during the day and 17.2 percent did so at dawn.
The majority of them (68.6%) had a moderate level of quality of life, 31.3 percent had a good level of
quality of life, and 0.1 percent had a poor level of quality of life. Factors related to quality of life were
personal factors (gender, education, job, exercise), health status (getting ill and family illness), and distance
from the petrochemical plant. In addition, respiratory, neurological, and dermatological symptoms
in the previous year and the previous month were significantly related to experiencing the chemical
odors.
This study emphasizes the concern that experiencing chemical odors in ambient air relates to health
and may affect people’s quality of life. Health authorities should develop and enhance measures, especially
short-term and long-term surveillance, and monitor the health status and quality of life of the
people living around industrial zones.