• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Articles
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Articles
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การประเมินภาวะขาดสารไอโอดีนในประชากรอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย

ภักดี สืบนุการณ์; Pakdee Suibnugarn;
วันที่: 2551
บทคัดย่อ
แม้ว่าอัตราคอพอกของเด็กนักเรียนประถมศึกษาในประเทศไทยจะลดต่ำลงอย่างมาก โดยลดลงจาก พ.ศ. 2532 ร้อยละ 19.3 เทียบกับ พ.ศ. 2546 ร้อยละ 1.31 แต่การป้องกันภาวะปัญญาอ่อนจากภาวะขาดสารไอโอดีนต้องให้ความสำคัญกับธัยรอยด์ฮอร์โมนที่ผ่านรกไปยังเด็กในช่วงแรกของการตังครรภ์ ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของภาวะขาดสารไอโอดีนจึงไม่ใช่เด็กนักเรียนอายุ 6-12 ปีที่เป็นคอพอก แต่คือหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่กำลังจะตั้งครรภ์หรือตั้งครรภ์แล้ว และเด็กแรกเกิดซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก และคณะกรรมการควบคุมภาวะขาดสารไอโอดีนนานาชาติ (ICCIDD) ที่ได้กำหนดตัวชี้วัดของพื้นที่ที่กำจัดภาวะขาดสารไอโอดีนมี 4 ตัวชี้วัด คือ 1) ความครอบคลุมเกลือไอโอดีนที่ได้มาตรฐานในครัวเรือน ร้อยละ 90 2) ระดับไอโอดีนมัธยฐานในปัสสาวะของเด็กนักเรียนประถมศึกษาไม่ควรน้อยกว่า 10 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร 3) อัตราคอพอกในเด็กประถมศึกษาน้อยกว่าร้อยละ 5 4) ปริมาณฮอร์โมนกระตุ้นธัยรอยด์ในเด็กแรกคลอดที่ระดับมากกว่า 5 มิลลิยูนิตต่อลิตร มีสัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 3 โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายจึงได้ทำการตรวจภาวะคอพอก และเก็บตัวอย่างปัสสาวะและเลือดของกลุ่มอายุต่างๆ ทั้งในโรงพยาบาลและในชุมชน เปรียบเทียบระหว่าง พ.ศ. 2541 กับ พ.ศ. 2546 ซึ่งผลการศึกษาแสดงว่าอัตราคอพอกตรวจโดยคลื่นเสียงความถี่สูงในเด็กประถมศึกษาลดลงอย่างมากจากร้อยละ 5.1 ใน พ.ศ. 2541 เหลือร้อยละ 0.5 ใน พ.ศ. 2546 แต่สัดส่วนไม่ใกล้เคียงกับอัตราคอพอกโดยการคลำตรวจซึ่งเท่ากับร้อยละ 16.1 และ 21.4 ใน พ.ศ. 2541 และ 2546 ค่ามัธยฐานของไอโอดีนในปัสสาวะ พ.ศ. 2546 ในกลุ่มอายุ 0-1 ปี, 1-3 ปี, 4-6 ปี, 6-12 ปี หญิงมีครรภ์และผู้สูงอายุ เท่ากับ 12.44, 15.49, 15.44, 15.31, 11.30, 5.52 มคก./ดล. ตามลำดับ โดยมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับ พ.ศ. 2541 เท่ากับ 19.62, 19.06, 15.83, 46.92, 7.17 มคก./ดล. แต่ทั้ง พ.ศ. 2541 และ 2546 ส่วนใหญ่ยังเกินเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก ยกเว้นกลุ่มผู้สูงอายุ ค่า TSH (serum based) >11.25 ไมโครยูนิตนานาชาติ/มล. เท่ากับร้อยละ 26 ซึ่งแสดงว่าเป็นพื้นที่ขาดสารไอโอดีนระดับปานกลาง สอดคล้องกับความครอบคลุมเกลือเสริมไอโอดีนที่ยังค่อนข้างต่ำคือเท่ากับร้อยละ 45 เนื่องจากมีการใช้เกลือสินเธาว์ชนิดเม็ดที่ไม่มีการเสริมไอโอดีนกันค่อนข้างมากถึงร้อยละ 49 เพราะราคาถูก การได้รับไอโอตีนจากอาหารประเภทอื่นยังมีน้อย จากการศึกษาแม้ว่าตัวชี้วัดส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผลลัพธ์จะผ่านเกณฑ์แต่กลับพบว่าผลสัมฤทธิ์ตกเกณฑ์ ซึ่งสอดรับกับตัวชี้วัดระดับกระบวนการ เรื่องความครอบคลุมของเกลือเสริมไอโอดีนซึ่งตกเกณฑ์เช่นกัน อาจแสดงให้เห็นว่า การให้ไอโอดีนผ่านน้ำเสริมไอโอดีน และยาเม็ดเสริมไอโอดีนในเด็กนักเรียนและหญิงมีครรภ์ อาจจะทำให้เข้าใจผ่านตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น อัตราคอพอกว่าปัญหาไอโอดีนไม่ได้มีอยู่แล้ว แต่กระบวนการนั้นอาจจะไม่ยั่งยืนและสัมฤทธิ์ผลเท่ากับความครอบคลุมของเกลือไอโอดีนและการวัดผลสัมฤทธิ์ที่ TSH ในเด็กแรกคลอด จึงควรมีการติดตามตัวชี้วัดของไอโอดีนในระดับต่างๆ ที่ครบวงจรอย่างสม่ำเสมอ และนำข้อมูลดังกล่าววิเคราะห์รายชุมชนและสะท้อนไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างมีส่วนร่วมของชุมชนต่อไป

บทคัดย่อ
Formerly, the programs for the elimination of iodine deficiency disorder in Thailand had used the total goiter rate in school children as an indicator for evaluating the program. That indicator showed improvement, from 19.3 percent in 1989 to 1.31 percent in 2003. However, for protection against brain damage from iodine deficiency, importance must be given to the transfer of thyroid hormones across the placenta even during early gestation. Thus, the ultimate focus must be women who are going to be pregnant, pregnant women and neonates. The criteria recommended by WHO/UNICEF/ICCIDD are salt iodization, proportion of households consuming effectively iodized salt > 90 percent, median urinary iodine in school age children > 10 μg/dl, thyroid size in school age children, proportion with enlarged thyroid by ultrasound or palpation < 5 percent and neonatal TSH, proportion with levels > 5 mU/l whole blood < 3 percent. The present study took for examination thyroid size and collected blood and urine specimens for TSH, thyroid function test, urinary iodine in many age groups both from the hospital and the community in 1998 and 2003. The results showed that the goiter rate in school age children by ultrasound decreased from 5.1 percent in 1998 to 0.5 percent in 2003, but this proportion was not similar to those identified according to thyroid size by palpation i.e., 16.1 percent in 1998 and 21.4 percent in 2003. Median urinary iodine in 2003 in the subjects in age groups 0-1 year, 1-3 years, 4-6 years, 6-12 years, pregnant women and elderly persons were 12.44, 15.49, 15.44, 15.31,11.30, 5.52 μg/dl, respectively. The levels seemed to decline when compared with the 2003 findings of 19.62, 19.06, 15.83, 46.92, 7.17 μg/dl respectively. Neonatal TSH (serum based) >11.25 μlU/ml in 2003 were 26 percent, which showed that our area was a moderate iodine deficiency disorder area. This might be caused by unsatisfied coverage with iodized salt at 45 percent. In this study, most outcome indicators achieved the criteria, but the impact indicator was unsatisfied in neonatal TSH. Accordingly, a process indicator such as coverage of salt iodization showed the failure to achieve the criteria. Therefore, Dansai Crown Prince Hospital would analyze the data in each community and show those data to people in the community in order to solve this problem. We recommend that every district follow the multidimensional evaluation of iodine deficiency disorder continuously as process, outcome and impact indicators.
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hsri-journal-v2n1 ...
ขนาด: 220.0Kb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 0
ปีงบประมาณนี้: 237
ปีพุทธศักราชนี้: 147
รวมทั้งหมด: 2,055
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Articles [1372]

    บทความวิชาการ


DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [620]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [100]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [126]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [160]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1290]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [232]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [21]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV