บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษานโยบายและผลกระทบของการเปิดตลาดการค้าเสรีด้านบริการสุขภาพ ต่อกำลังคนพยาบาล รูปแบบการวิจัย: เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ วิธีดำเนินการวิจัย: ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร วิเคราะห์เนื้อหาและสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนโยบาย Free Trade Agreement (FTA) และผู้มีส่วนได้เสีย เป็นรายบุคคล จำนวน 10 คน จัดหมวดหมู่ตามประเด็น สรุปนโยบาย แผนการดำเนินงาน สภาพปัญหา และผลกระทบของ FTA , ASEAN Free Trade Area (AFTA), ASEAN Framework Agreement on Services (AFAS) และ ASEAN Economic Community (AEC), ที่เกี่ยวข้องกับการบริการสุขภาพและอัตรากำลังพยาบาล ผลการวิจัย: พบว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ความมีชื่อเสียงด้านคุณภาพ ศักยภาพทางการแพทย์ ราคา และอัธยาศัยที่ดีของผู้ให้บริการของประเทศไทย ส่งผลให้ผู้รับบริการชาวต่างชาติเข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พบว่าจำนวนพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลเอกชนปี 2553 เพิ่มขึ้นจากปี 2542 ร้อยละ 66.08 โดยในปี 2550 เพิ่มสูงสุด ร้อยละ 83.59 แต่ขณะเดียวกันอัตรากำลังภายในประเทศของไทยยังขาดแคลน ประชาชนเข้าถึงบริการไม่ทั่วถึง การเปิดเสรีการค้าบริการของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ทำให้ประชาชนในกลุ่มประเทศอาเซียนเดินทางเข้าออกสะดวกยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยสองประเด็นหลัก คือ 1) มีการเพิ่มจำนวนของผู้ใช้บริการจากต่างชาติขึ้นอีกส่งผลให้เกิดความขาดแคลนภายในประเทศมากขึ้น 2) การเคลื่อนย้ายของบุคลากรทางการแพทย์ อาจมีปัญหาในกลุ่มพยาบาลที่เคลื่อนย้ายเข้าประเทศไทยเนื่องจากคุณภาพการศึกษาของพยาบาลในอาเซียนมีความแตกต่างกันมาก ก่อให้เกิดผลกระทบกับผู้รับบริการในประเทศไทยได้ ในด้านการเตรียมการของไทยเพื่อรองรับการเปิดการค้าเสรีด้านบริการสุขภาพ พบว่ายังขาดแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพ ทำให้หน่วยงานต่างๆไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างสอดคล้องกันเพื่อเตรียมการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติให้ดีเท่าที่ควร และสร้างความสมดุลของการให้บริการคนไทยอย่างเป็นธรรม ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย: รัฐบาลควรกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติของประเทศที่ชัดเจน และบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างเป็นระบบในด้านการผลิตและการพัฒนาบทบาทความรับผิดชอบของบุคลากรทางการแพทย์ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับระบบบริการสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอันเป็นเป้าหมายสูงสุด
บทคัดย่อ
Objective: To explore policies and effects of Free Trade Agreement on nursing workforce.
Research design: Qualitative research design Methods: 1. Relevant documents were collected; content was attracted and classified into research questions. 2.Ten key informants were interviewed under semistructured
questions to summarize policies, state plan, problems and effects of FTA, AFTA, AFAS and
AEC related to health care services and nursing workforce. Results: This study revealed that Thailand had
a good potential to be a World Class Health Care Hub. Notable cost, quality of medical care and Thai
hospitality led to a rapid increasing number of foreigners who came to Thailand seeking for medical
treatment. Number of registered nurse working in private hospitals in 2010 had increased for 66.08 %
comparing to the year 1999; the highest increasing rate was 83.59% in 2007. On the other hand, it deteriorated
nurse shortage in Thailand and un-equivalent accessibility to health care among Thai people. The
Priority Integration Sectors (PIS) of AEC targeted in 2015 facilitates travelling across boarder among ASEAN
people but two anticipated problems were identified; 1) aggravating the increasing number of patient
seeking medical treatment and worsen the situation of nurse shortage, and 2) nurse migration from ASEAN
countries. As nursing education systems are much different among ASEAN countries, problems of unequivalent
education of nursing personnel are encountered and may harm patients. Preparation for FTA
in health care services in Thailand has not been very well arranged. Strategic plan, action plan and hosting
organization were not clearly identified resulting in fragmentation of work of related parties and imbalance
services provided to Thais. Policy implications: Leading organization is essential for driving nation
strategies of the government. Ministry of Public Health, Ministry of labor, Ministry of Education and
Ministry of Commerce must be liable. Roles and responsibility of private hospitals must be heightened
and be integrated with the government to balance benefit and loss from being World Class Health Care
Hub for better health service system and good quality of life of Thai people, ultimate goal of the nation.